นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สนับสนุนรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้เพื่อเยียวยาผลกระทบไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำเสนอแพ็คเกจมาตรการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันที่ 6 มี.ค.นี้ คาดว่าจะใช้เงินมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพราะปัจจุบันธุรกิจเอกชนหลายภาคส่วนต้องชะงัก ดังนั้นจำเป็นที่รัฐบาลต้องเข้ามาเป็นผู้นำในการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค
แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาส1/63 อาจมีความเสี่ยงถึงขั้นติดลบ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อยากเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้เร่งอัดเงินเข้าสู่ระบบและเกิดผลได้ไม่เกินสิ้นเดือน มิ.ย.63 เป็นส่วนช่วยผลักดันความเชื่อมั่นนักลงทุนดีขึ้น เพื่อให้ GDP ในไตรมาส 2/63 จะสามารถกลับมาเติบโตเป็นบวกได้เล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังเห็นด้วยกับกรณีกระทรวงการคลังมีแนวทางปรับเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) มาใกล้เคียงกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) คาดว่ามาตรการนี้อาจเข้ามาใช้ชั่วคราวเพื่อประคับประคองตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ หลังจากบอบช้ำอย่างหนักจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อผลกระทบไวรัสโควิด-19 โดยวัตถุประสงค์หลักคือต้องการให้ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงินลงทุนระยะยาวเข้ามาสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม หากปรับเกณฑ์ SSF เพิ่มเงื่อนไขวงเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยชัดเจนเหมือนกับ LTF เชื่อว่ามีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงสั้น
สำหรับนโยบายการเงินนั้น เชื่อว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ อาจเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง แต่ไม่ถึงขั้นปรับลดเท่ากับธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก่อนหน้านี้ลดลงไป 0.50% เพราะเชื่อว่า กนง.คงอยากให้เก็บกระสุนเอาไว้เพื่อใช้ในยามจำเป็น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยก็ไม่สามารถรองรับกับการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบได้เหมือนกับเศรษฐกิจในฝั่งยุโรป
"ภาพรวมตลาดหุ้นไทย เชื่อว่าถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่ลุกลามไปมากกว่าปัจจุบัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลเกิดผลได้ทันในไตรมาส 2/63 มีความเป็นไปได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดรอบนี้ไปแล้ว"นายไพบูลย์ กล่าว