นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิต ได้ดำเนินการตามแนวนโยบายที่ได้รับจาก รมว.คลัง ที่ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 26 ก.พ.63 กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
ทั้งนี้ การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอย่างหนึ่ง คือการทำความสะอาดโดยการฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ผลิตจากแอลกอฮอล์ จึงทำให้มีความต้องการใช้แอลกอฮอล์มากขึ้น กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลสินค้าสุรา ซึ่งรวมถึงแอลกอฮอล์หรือสุราสามทับ เพราะเป็นสินค้าที่กำหนดในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ดังนั้น จึงเป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต เพื่อเป็นรายได้ของรัฐ
แต่ในสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้นั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แอลกอฮอล์หรือสุราสามทับหากนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ โดยการให้สิทธิทางภาษีของสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางภาษี และเพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ
พร้อมทั้ง ได้ออกประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิเสียภาษีในอัตราภาษีศูนย์ สำหรับสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพ เพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบที่มิได้ทำขึ้นเพื่อการจำหน่าย ลงวันที่ 6 มี.ค.63 เพื่อให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) ซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสุราสามทับเพื่อส่งออก และกลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรมเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ให้เสียภาษีแอลกอฮอล์หรือสุราสามทับในอัตราศูนย์บาทต่อลิตร โดยลดเงื่อนไขหลักเกณฑ์รวมทั้งข้อจำกัดต่าง ๆ จากที่ปฏิบัติง่ายขึ้น เพื่อให้ทันสถานการณ์เร่งด่วน และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อขาย แต่เป็นการทำเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน
"ผู้ยื่นทำผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ และผู้ที่หน่วยงานรัฐรับรองเท่านั้น และประกาศกรมสรรพสามิตฉบับดังกล่าว เป็นประกาศให้มีผลระยะสั้น คือให้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 แต่หากสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ หรือยังมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ก็จะพิจารณาขยายระยะเวลาตามความจำเป็นต่อไป" อธิบดีกรมสรรพสามิตระบุ
สำหรับแนวนโยบายดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มให้มีการใช้สุราสามทับ หรือแอลกอฮอล์จากผู้ประกอบอุตสาหกรรมเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ตั้งโรงงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.49 โดยกำหนดให้มีวัตถุประสงค์ในการผลิตเพื่อเป็นเชื้อเพลิงโดยเฉพาะเท่านั้น ภายใต้การบริหารกำกับดูแลปริมาณการใช้เอทานอลภายในประเทศ โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เช่น ในการส่งออกเอทานอลไปต่างประเทศ ผู้ส่งออกขอความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงานเพื่อพิจารณาความเหมาะสม เพื่อไม่ให้มีการส่งออกมากเกินไปจนทำให้เอทานอลในประเทศขาดแคลน
แต่เนื่องจากเอทานอล เป็นแอลกอฮอล์หรือสุราสามทับ ซึ่งถือเป็นสินค้า "สุรา" ตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานดำเนินการเรื่องควบคุมการผลิตและจำหน่าย รวมทั้งการให้สิทธิทางภาษี เช่น การพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานเอทานอล การกำหนดคุณสมบัติผู้ขออนุญาต การกำหนดให้มีการจำหน่ายเพื่อเป็นเชื้อเพลิงตามวัตถุประสงค์ด้านพลังงาน การยกเว้นภาษีเอทานอลที่นำไปใช้ผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง และการยกเว้นภาษีส่งออก เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกเอทานอลในราคาไม่รวมภาษีสรรพสามิต ซึ่งเป็นการส่งเสริมความสามารถด้านการแข่งขันกับต่างประเทศ การควบคุมของกรมสรรพสามิต เพื่อให้เป็นตามวัตถุประสงค์ด้านพลังงานของกระทรวงพลังงาน
ในปัจจุบัน มีโรงงานเอทานอล จำนวน 26 โรงงาน กำลังการผลิตประมาณ 7 ล้านลิตร/วัน ซึ่งปริมาณการใช้ด้านพลังงานประมาณ 4 ล้านลิตร/วัน จึงเห็นว่าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้แอลกอฮอล์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
นายพชร กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ร่วมกับกระทรวงการคลัง จึงเห็นว่าควรมีการอนุญาตให้นำเอทานอลที่เหลือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง อีกวันละประมาณ 3 ล้านลิตร สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยให้กรมสรรพสามิตพิจารณาให้สิทธิทางภาษีสำหรับเอทานอลที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งการกำหนดนโยบายดังกล่าว นอกจากส่งเสริมผู้ผลิตเอทานอลแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมเกษตรการผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลด้วย โดยกระทรวงพลังงานยังคงบริหารอุปสงค์อุปทานของเอทานอลในประเทศให้มีปริมาณที่เหมาะสม ไม่ให้ส่งผลกระทบด้านพลังงานของประเทศต่อไป
อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุด้วยว่า กลุ่มผู้ประกอบการยังได้บริจาคแอลกอฮอล์จำนวน 3 แสนลิตร ให้กับกรมสรรพสามิต เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศผ่านสรรพสามิตจังหวัด เฉลี่ยวันละ 100 ลิตร เป็นเวลา 30 วัน โดยเบื้องต้น คาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายได้ภายในเดือน มี.ค.นี้ ในรูปของแอลกอฮอล์แบบน้ำ โดยจะให้ประชาชนนำภาชนะมาใส่ได้คนละไม่เกิน 1 ลิตร เพื่อนำใช้ในการทำความสะอาดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ยืนยันว่าแอลกอฮอล์ที่จะนำไปผลิตในรูปแบบของเจลล้างมือ และรูปแบบต่าง ๆ สำหรับฆ่าเชื้อโรคยังมีเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันมีโรงงานเอทานอล 26 โรงงาน กำลังการผลิต 7 ล้านลิตรต่อวัน ในส่วนนี้เป็นปริมาณการใช้ด้านพลังงานเพียง 4 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนอีกประมาณ 3 ล้านลิตรต่อวัน จะสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้
"การดำเนินการทั้งหมด เป็นเพียงมาตรการเพื่อรองรับความต้องการใช้ของประชาชนเท่านั้น และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดดันด้านราคาในตลาดในอนาคต โดยสถานการณ์เจลล้างมือตอนนี้ยังมีเพียงพอ และไม่มีการกักตุนแต่อย่างใด" นายพชร กล่าว