นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงภายหลังหารือร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมควบคุมโรค สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อวางมาตรการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่อการติดไวรัสโควิด-19 ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า ที่ประชุมมีแนวทางเรื่องนี้ด้วยการขอความร่วมมือให้นักท่องเที่ยว ทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทยที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยผ่านทุกสนามบินให้ลงทะเบียนกับระบบติดตาม ด้วยแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำไปติดตั้งที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ทั้งนี้ เมื่อผ่านจุดคัดกรองของกรมควบคุมโรคจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นและกรอกข้อมูลเพื่อส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ โดยก่อนจะเดินทางออกจากจุดตรวจผ่านคนเข้าเมืองจะต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าได้ส่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลที่เก็บไว้จะเชื่อมโยงกรมควบคุมโรค ถ้าพบว่ามีผู้ป่วยจะตรวจสอบกับข้อมูลเที่ยวบิน และกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้ามาพร้อมกันเพื่อแจ้งติดต่อตรวจสอบกลับไปทำให้เพื่อดูแลและติดตามโรคทำได้ง่ายขึ้น มาตรการนี้ไม่ได้เป็นการบังคับแต่ขอความร่วมมือจากทุกคน
"เราเชื่อว่าทุกคนที่เดินทางเข้ามาก็ต้องการความปลอดภัยจึงขอให้ความร่วมมือ โดยหากไม่ให้ความร่วมมือก็คงต้องใช้กฎหมายของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง" นายพุทธิพงษ์ กล่าว
สำหรับการเก็บข้อมูลออกเป็น 3 กลุ่ม คือ คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมีหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทยอยู่แล้ว ,นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำโทรศัพท์เคลื่อนที่โรมมิ่งเข้ามาใช้บริการ และขอให้ผู้ประกอบการโอเปอเรเตอร์ให้บริการขายซิมโทรศัพท์ในราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ซื้อซิมและโหลดแอพพลิเคชั่นลงทะเบียน ณ จุดคัดกรองได้เลย โดยราคาแพ็คเกจเป็นราคาต่ำที่ 49 บาท
รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความมั่นใจให้พี่น้องชาวไทยทุกคนได้มั่นใจการติดตามข้อมูลของผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ข้อมูลจะเก็บไว้ประมาณ 14 วัน เพื่อการเฝ้าระวังไวรัสโควิด -19 ส่วนกำหนดเวลาในการเริ่มต้นจะพยายามเริ่มใช้มาตรการนี้ภายในวันที่ 12 มี.ค. โดยหากแอพพลิเคชั่นยังพัฒนาไม่เสร็จจะให้กรอกข้อมูล