นักวิเคราะห์บลูมเบิร์กคาด เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวในระดับที่ลึกขึ้น

          ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยบลูมเบิร์ก นิวส์ บ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอีกในระดับที่ลึกขึ้น และโอกาสที่จะฟื้นตัวมีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น โดยคาดว่านับตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย. เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 0.3% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.พ.
          ริชาร์ด เบอร์เนอร์ นักวิเคราะห์ด้านเศรษกิจโลกจากมอร์แกน สแตนลีย์ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ตัวเลขจ้างงานที่ลดลง และราคาที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลง จะส่งผลให้ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐลดน้อยลงด้วย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีก และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยประเภทดังกล่าวจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ไปจนถึงเดือนธ.ค.ปีนี้"
          นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสถดถอยถึง 50% ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่ทำขึ้นเมื่อเดือนก.พ. ขณะเดียวกันคาดว่าตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนม.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.95 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนธ.ค.ปี 2550 ที่ระดับ 5.88 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดนำเข้าสูงกว่ายอดส่งออก
          ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ แฟรงเคิล นักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสถดถอยค่อนข้างแน่นอน ขณะเดียวกันคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมโดยรวมของเศรษฐกิจสหรัฐ จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ต่อปีในไตรมาสแรกของปีนี้ ต่ำกว่าไตรมาส 4 ปี 2550 ที่ขยายตัว 1.9%"
          ด้าน อีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า "เราคาดว่าราคาที่อยู่อาศัยในสหรัฐจะลดลงอีก และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับแรงกดดันจากต้นทุนด้านพลังงาน ขณะเดียวกันคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.5% ภายในปีนี้ด้วย"
          เว็บไซท์บลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ. ลดลง 63,000 อัตรา ซึ่งร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 5 ปี และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 25,000 อัตรา