นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้มีมติอนุมัติ 14 มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่เรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่ลุกลามมายังระบบเศรษฐกิจด้วย ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมจะมีมาตรการเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น
"รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจจึงได้พิจารณามาตรการลดผลกระทบระยะที่ 1 เพื่อลดภาระให้ผู้ประกอลบการและประชาชน...กระทรวงการคลังจะติดตามอย่างใกล้ชิด และพร้อมออกมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม" นายลวรณ กล่าว
มาตรการที่น่าสนใจ ได้แก่ การปรับโครงสร้างหนี้ เช่น หนี้บัตรเครดิต เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก ดังนั้นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อธนาคารออมสินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้มีระยะเวลาชำระหนี้ยาวขึ้น และอัตราดอกเบี้ยต่ำลง
รวมทั้ง การลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า ได้แก่ การคืนเงินประกันภัยหรือค่ามิเตอร์, การปรับลดค่าไฟฟ้าในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.63, การยืดระยะเวลาการจ่ายบิลเดือน เม.ย.-พ.ค.ออกไปได้อีก 6 เดือน และการลดจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของลูกจ้างและนายจ้างลงจาก 5% เหลือ 4% เป็นระยะเวลา 6 เดือน
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเยียวยาเพิ่มเติมนอกเหนือจาก 14 มาตรการ หรือกรณีที่กฎหมายตามปกติไม่เพียงพอ