นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ภายหลังจากที่กรมฯ ขอความร่วมมือไปยังโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยทั้ง 11 แห่ง ให้ปรับสายการผลิตจากการผลิตหน้ากากชนิดอื่น เช่น หน้ากากคาร์บอน และ N 95 มาเป็นการผลิตหน้ากากอนามัย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงงานผลิตเป็นอย่างดี ทำให้มีปริมาณหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.2 ล้านชิ้น เป็น 1.56 ล้านชิ้นต่อวัน และล่าสุดวันนี้ (13 มี.ค.) เพิ่มขึ้นเป็น 1.71 ล้านชิ้นต่อวัน ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการกระจายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระจายให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้และประชาชนได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะได้รับจัดสรรเพิ่มเป็นวันละ 900,000 ชิ้น เพื่อนำไปกระจายให้โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลกรมการแพทย์ โรงพยาบาลรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 570,000 ชิ้น สถานพยาบาลเอกชน 180,000 ชิ้น โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช 80,000 ชิ้น และสถานพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้แก่ สำนักอนามัย 70,000 ชิ้น
ขณะที่ในส่วนของกรมการค้าภายใน จะกระจายไปให้ประชาชน 810,000 ชิ้น โดยขายหน้ากากอนามัยบรรจุแพ็ก 4 ชิ้น แพ็กละ 10 บาท ผ่านร้านธงฟ้าและร้านขายยา 200,000 ชิ้น, เทสโก้โลตัส (180 สาขา) 1 แสนชิ้น, แม็คโคร (95 สาขา) 100,000 ชิ้น, บิ๊กซี (150 สาขา) 100,000 ชิ้น, วิลล่ามาร์เก็ต (36 สาขา) 60,000 ชิ้น, ท็อปส์ (204 สาขา) 100,000 ชิ้น, สมาคมร้านขายยา 15,000 ชิ้น, สมาคมเภสัชกรรมชุมชน 10,000 ชิ้น, ร้าน 7-eleven 120,000 ชิ้น และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ 5,000 ชิ้น โดยล่าสุดร้านคาเฟ่ อเมซอน จะเข้ามาร่วมเป็นอีกช่องทางในการกระจายหน้ากากอนามัยด้วย
"การกระจายหน้ากากอนามัย ณ ตอนนี้ ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัย จะทำหน้าที่กระจายให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ก่อน เช่น โรงพยาบาล สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์จะได้รับเป็นลำดับแรก และคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น คนทำงานในสนามบิน ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ จากนั้นกระจายให้กับประชาชนที่ต้องใช้ป้องกันตนเอง โดยการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่มีตอนนี้ วันละ 1.71 ล้านชิ้น แต่ละส่วนสามารถปรับขึ้นลงได้ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง" อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ
สำหรับเป้าหมายการผลิตหน้ากากอนามัย ได้มีการหารือกับโรงงานผลิตแล้ว คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เต็มที่เป็นวันละ 2.2 ล้านชิ้น หลังจากที่มีการปรับสายการผลิต ปรับจูนเครื่องจักร และวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิต เพราะเดิมผลิตหน้ากากชนิดอื่น เมื่อปรับสายการผลิต ก็ต้องปรับในเรื่องวัตถุดิบด้วย โดยคาดว่าปลายสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนปัญหาการจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ที่มีพนักงานซื้อสินค้ากักตุนไว้แล้วนำออกมาขายเองทางออนไลน์นั้น อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้หารือกับร้านสะดวกซื้อและมีการกำหนดกติกาแล้ว คือ ห้ามพนักงานของร้านทุกร้านซื้อ ถ้าปฏิบัติไม่ได้จะไม่ส่งสินค้าให้ขายอีก ห้ามเปิดขายตอนกลางคืน เพราะขายแล้ว แทนที่คนทั่วไปจะได้ซื้อ กลายเป็นว่าพนักงานขายซื้อไว้เองหมด และขอให้ตรวจสอบบัตรประชาชน เพื่อป้องกันการวนซื้อด้วย