นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีข่าวว่าผู้เลี้ยงหมูไม่ยอมส่งเนื้อหมูให้กับห้างค้าปลีกรายใหญ่และตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ โดยอ้างว่าไม่สามารถจัดส่งให้ได้ที่ราคากก.ละ 58 บาทตามที่ตกลงกับกระทรวงพาณิชย์ไว้ก่อนหน้านี้
"ก่อนหน้านี้ผู้เลี้ยงหมูตกลงไว้ว่าราคากก.ละ 58 บาทเป็นราคาที่ผู้เลี้ยงพอใจและได้กำไร เพราะต้นทุนการผลิตอยู่ที่กก.ละ 51.37 บาทเท่านั้น"นายยรรยง กล่าว
หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้เลี้ยงจงใจทำให้ราคาปั่นป่วนจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่าเป็นการใช้อำนาจเหนือตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยใช้วิธีการปรับลดปริมาณหรือฮั้วราคาอย่างไม่เป็นธรรมก็จะดำเนินการตามกฎหมายการแข่งขันทางการค้าทันที
"ตอนนี้ยิ่งได้ข่าวมาว่าในอีก 2-3 สัปดาห์หมูจะขาด เพราะจะเกิดโรคท้องร่วง และไม่เพียงพอต่อการกระจายไปยังห้างค้าปลีก และตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ ไม่รู้จริงหรือเปล่า กำลังตรวจสอบอยู่ หากพบว่าทำผิดกฎหมายจะเข้าไปจัดการทันที" นายยรรยงกล่าว
ส่วนการแก้ปัญหาต้นทุนอาหารสัตว์นั้น นายยรรยง กล่าวว่า วันที่ 13 มี.ค.จะประชุมคณะอนุกรรมการอาหารสัตว์ โดยจะพิจารณาข้อดีข้อเสียของการปรับลดราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น การปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองเหลือ 0% หรือ 2% จากปัจจุบันที่เรียกเก็บ 4% ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจต่อไป เพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องต้นทุนให้กับผู้เลี้ยงสัตว์
"มาตรการที่ออกมาจะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เมื่อสถานการณ์ต่างๆ เข้าสู่ภาวะปกติก็จะกลับไปใช้อัตราภาษีอัตราเดิม ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะลดภาษีลงมาเท่าใด นานแค่ไหน แต่ยืนยันว่าการทำเช่นนี้ในภาพรวมจะเป็นประโยชน์ เพราะแก้ไขปัญหาต้นทุนให้กับผู้เลี้ยงสัตว์ ทั้งผู้เลี้ยงหมู กุ้ง ไก่ ซึ่งจะทำให้ราคาเนื้อสัตว์เหล่านี้ลดลงได้" นายยรรยง กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--