นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เปิดเผยว่า กบน.ได้เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้วยการกำหนดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่เป็นระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งจะมีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลดลง 50 สต./ลิตร ยกเว้น ดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20% ในทุกลิตร) ลดลง 25 สต./ลิตร และแก๊สโซฮอล์ E85(น้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอล 85%ในทุกลิตร) เพิ่มขึ้น 25 สต./ลิตร
นอกจากนี้ยังเห็นชอบลดราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) 3 บาท/กิโลกรัม (กก.) สำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม โดยราคาจะลดจาก 363 บาทต่อถังเหลือ 318 บาทต่อถัง หรือลดไป 45 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือนมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 63 เป็นต้นไป
ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) กล่าวว่า จากการปรับเปลี่ยนเงินกองทุนน้ำมันฯและบัญชี LPG ทำให้กองทุนฯ รับภาระจากมาตรการดังกล่าวรวม 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงอัตราเงินส่งกองทุนน้ำมันใหม่ทำให้ E85 ปรับขึ้นราคา 25 สต./ลิตรนั้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดการใช้เอทานอลจำนวนมากเนื่องจากขณะนี้ส่วนหนึ่งต้องเร่งนำไปดูแลแอลกอฮอล์เพื่อทำเจลล้างมือ และราคาดีเซล B20 ลดแค่ 25 สตางค์ต่อลิตรเพราะต้องการลดส่วนต่างกับ B10 ให้เหลือน้อยลงเพื่อส่งเสริมการใช้ B10
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาขายปลีกน้ำมันที่ลดลงดังกล่าวมาจากการปรับเปลี่ยนเงินกองทุนฯเท่านั้น ไม่รวมกับกรณีราคาตลาดโลกที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯใหม่เป็นการลดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด 50 สต./ลิตร ยกเว้นดีเซล B20 ลดลง 25 สต./ลิตรและเพิ่มเก็บเงินแก๊สโซฮอล์ E85 จำนวน 25 สต./ลิตร
ส่วน LPG กบน.มีมติให้ลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันส่วนบัญชี LPG ชั่วคราว 3 เดือนจาก 4.9816 บาท/กก. เหลือ 2.1779 บาทต่อกิโลกรัม หรือลดลง 2.8037 บาท/กก. มีผล 24 มี.ค. 63 และส่งผลให้ราคาขายปลีก LPG ลดลงจาก 21.87 บาท/กก. เหลือ 18.87 บาท/กก. หรือลดลง 3 บาท/กก. ซึ่งเท่ากับลดราคา LPG ถังขนาด 15 กิโลกรัมลงได้ 45 บาทต่อถัง
รายงานข่าวจาก สกนช. ระบุว่า สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนปรับลดอัตราเงินกองทุนฯ มีเงินไหลเข้า 219 ล้านบาท/เดือน แต่หลังการปรับแล้วมีเงินไหลออก 1,208 ล้านบาท/เดือน หรือกองทุนฯ รับภาระจากการปรับลดอัตราเงินกองทุนฯ ครั้งนี้ 1,427 ล้านบาท/เดือน
โดย ณ วันที่ 22 มี.ค. 63 ฐานะของกองทุนฯ สุทธิ 36,569 ล้านบาท แบ่งเป็น ประเภทน้ำมันฯ 42,038 ล้านบาท และประเภท LPG -5,469 ล้านบาท ขณะที่ฐานะกองทุนฯ ของ LPG ติดลบ 5,469 บาท ก่อนปรับราคาสภาพคล่องกองทุนฯ ในส่วนของ LPG มีเงินไหลเข้า 429 ล้านบาท เป็นไหลออก 476 ล้านบาท/เดือน ซึ่งกองทุนฯ รับภาระ 905 ล้านบาท/เดือน