นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐได้ออกมาสนับสนุนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเป็นวงเงินสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์สินเชื่อตึงตัว โดยการดำเนินการในครั้งนี้เฟดร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางสวิส
เฮนค์ พอทส์ นักวิเคราะห์ด้านการลงทุนจากบาร์เคลย์ เวลธ์ กล่าวว่า "การที่เฟดเข้าแทรกแซงระบบการธนาคารครั้งล่าสุดถือเป็นความเคลื่อนไหวในด้านบวก และยังแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่นของเฟดที่จะใช้ยุทธศาสาตร์ทุกกระบวนท่าเพื่อพยุงตลาดให้กลับคืนสู่ภาวะปกติ"
ขณะที่โฮเวิร์ด วีลดัน นักวิเคราะห์จากบีจีซี พาร์ทเนอร์สกล่าวว่า "แน่นอนว่ามาตรการของเฟดมาถูกทางแล้ว แต่หากถามว่าสภาพคล่องที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบครั้งนี้มากพอหรือไม่ ผมคงตอบว่าอาจจะยังไม่พอ แต่อย่างน้อยก็ช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ไปได้ระดับหนึ่ง และสะท้อนให้เห็นว่าเฟดทำตามที่ลั่นวาจาไว้"
แอนดรู ลินช์ ผู้จัดการกองทุนจากชโรเดอร์ อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า "แม้มาตรการของเฟดไม่สามารถแก้ไขปัญหาในตลาดสินเชื่อให้หมดไปได้ แต่ก็สามารถผ่อนคลายความตึงตัวในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตาม เฟดคงต้องทำการบ้านหนักขึ้นหากจะประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า เฟดประกาศใช้มาตรการในการร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด โดยเฟดจะเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการ Term Securities Lending Facility (TSLF) โดยจะให้กู้ตราสารหนี้ได้นาน 28 วัน แทนการกู้แบบข้ามคืนซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เฟดจะขยายวงเงินกู้ยืมผ่านสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราแบบชั่วคราว (swap line) กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสวิส โดยทำข้อตกลงกับอีซีบีในการเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และข้อตกลงกับธนาคารกลางสวิสเพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านดอลลาร์จากปัจจุบันที่ 2 พันล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--