เฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวในวันนี้ว่า จีนคาดว่าการส่งออกจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่ายอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนก.พ.2551 จะร่วงลงอย่างหนักก็ตาม
อย่างไรก็ดี รมว.พาณิชย์กล่าวว่า จีนจะไม่พยายามรักษายอดเกินดุลการค้า และจะงัดมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อให้การเกินดุลการค้าระหว่างจีนและประเทศอื่นๆลดลงมาอยู่ในภาวะที่สมดุล
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้ารายเดือนของจีนลดลงมาอยู่ที่ 8.56 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.2551 หรือคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของยอดเกินดุลการค้าในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ มูลค่าการค้าในเดือนที่แล้วพุ่งแตะ 1.66 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.4% จากปีที่ผ่านมา
ยอดนำเข้าขยายตัว 35.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 7.88 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 6.5% แตะ 8.73 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
เฉินกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลงในเดือนก.พ.นั้น เป็นเพราะตรงกับเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงที่โรงงานต่างๆหยุดการผลิต รวมถึงผลพวงจากวิกฤติซับไพรม์สหรัฐที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและลดความต้องการในการบริโภค อีกทั้งมาตรการกำกับดูแลของรัฐบาลจีนในการทำการค้ากับต่างประเทศ เช่นการลดเงินคืนภาษีส่งออกสำหรับสินค้าที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงสิ่งทอและรองเท้า ซึ่งเป็นการลดปัจจัยสนับสนุนการส่งออก
นอกจากนี้ เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขยายตัวด้านการส่งออกลดลงเช่นกัน โดยค่าเงินหยวนแข็งค่าแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ในวันที่ 29 ก.พ. ที่ 7.1058 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดสำหรับค่ากลางของเงินหยวน
ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ เงินหยวนแข็งค่าขึ้นแล้ว 2.80% และแข็งค่าขึ้น 14.13% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ที่จีนยกเลิกระบบผูกติดค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาร์เมื่อเดือนก.ค.2005 โดยจีนหันมาใช้ระบบค่าเงินลอยตัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์:
[email protected]