ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอินเดียชะลอตัวอย่างหนักในเดือนม.ค.

          ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอินเดียชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในเดือนม.ค. อันเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมทางการเงินที่เข้มงวดได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์จากผู้บริโภค 
          โดยภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวลดลงเหลือ 5.3% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบกับ 11.6% ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียและเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน กำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว  
          ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของผลผลิต ซึ่งวัดจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ลดลงในแทบทุกภาคส่วนหลักๆ อาทิ ภาคการผลิตๆ ไฟฟ้า และเหมืองแร่      
          ข้อมูลดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์เป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวราว 8% ในเดือนม.ค.          
          ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2551 ผลผลิตอุตสาหกรรมมีการขยายตัวลดลงเหลือ 8.7% จาก 11.2% เมื่อปีที่แล้ว   
          ภาคส่วนที่รับรับผลกระทบที่สุดคือภาคสินค้าคงทน ซึ่งมีการขยายตัวลดลงเหลือเพียง 3.1% ในเดือนม.ค. จาก 5.3% ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว     
          ตั้งแต่เดือนเม.ย.2550 - ม.ค.2551 การขยายตัวของผลผลิตสินค้าคงทนร่วงลงเหลือ 1.7% จาก 10.6% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  
          นักวิเคราะห์กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ธนาคารกลางแทบไม่สามารถผ่อนปรนมาตรการควบคุมทางการเงินเพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยการขึ้นดอกเบี้ย 9 ครั้งตั้งแต่ปี 2547 เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการที่เงินรูปีแข็งค่าอย่างหนักเมื่อเทียบเงินดอลลาร์ ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม   
          เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อได้ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน ที่ 5.02% ทะลุเพดานที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 5% ในปีงบประมาณนี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน