นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ผ่านระบบออนไลน์วันนี้ ได้วางแผนนำมาตรการด้านพลังงานมาช่วยบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยยังเดินหน้าผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะสามารถประกาศเชิญชวนและรับข้อเสนอได้ตามกำหนดการเดิมภายในวันที่ 17 เม.ย.63 และจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.63 ซึ่งนโยบายนี้กระทรวงพลังงานจะเร่งรัดให้สามารถดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะจะมีส่วนช่วยนำรายได้จากการจำหน่ายเชื้อเพลิงชนิดต่าง ๆ กระจายสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้เพิ่มขึ้น
ส่วนมาตรการส่งเสริมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันเบนซินฐานนั้น อาจต้องชะลอแผนออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีความต้องการใช้เอทานอล ในด้านด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น แต่ก็ได้ให้ทางกรมธุรกิจพลังงานได้เตรียมการไว้หากสถานการณ์กลับมาปกติจะเริ่มประกาศได้เมื่อใด
ด้านมาตรการส่งเสริมน้ำมันดีเซล B10 ปัจจุบันมียอดการใช้ประมาณกว่า 12 ล้านลิตร/วัน และคาดว่าเดือน เม.ย.นี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 20 ล้านลิตร/วัน แม้ว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงบางส่วนจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม รวมถึงจะมีมาตรการเพื่อตรวจสอบและป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศด้วย
สำหรับการจำหน่ายแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% กระทรวงพลังงานเข้ามาร่วมผลักดันให้มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมัน เช่น ปตท. บางจาก เชลล์ และผู้ค้ามาตรา 7 ให้ได้เร็วที่สุด โดยคาดว่าจะทำให้ปริมาณจำหน่ายแอลกอฮอล์มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จะช่วยป้องกันปัญหาการระบาดโควิด-19 ได้มาก ซึ่งที่ประชุมได้รับรายงานจาก บมจ.ปตท. (PTT) แจ้งว่าจะเริ่มจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.63 เป็นต้นไป
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานยังได้เตรียมการเพื่อช่วยภัยแล้ง โดยเร่งรัดโครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตรที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับภัยแล้งในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมใช้ 2,265 ระบบ พร้อมกันนี้ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานระดมหามาตรการเพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมอีกด้วย