นายขจรจักษณ์ นวลพรหมสกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบถึงการส่งออกยางพารา ซึ่งมีความติดขัดและข้อจำกัดในเรื่องสุขอนามัยบริเวณด่านส่งออก โดยที่ผ่านมาได้มีการผ่อนปรนบริเวณด่านส่งออกสะเดา จ.สงขลา อนุญาตให้สามารถส่งออกน้ำยางได้ ขณะนี้ทาง กยท. ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้แทนราษฎร จ. สงขลา ในการเข้าเจรจากับประเทศมาเลเซียเพื่อเปิดด่านการส่งออกน้ำยาง ด่านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรเกิดความเชื่อมั่นว่าตลาดยางพารายังมีการซื้อขายเป็นปกติ
"ขอทำความเข้าใจกับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบกิจการยางพารา ว่า กยท. มิได้นิ่งนอนใจ ได้มีความพยายามในการประสานงานกับหลายภาคส่วน รวมถึงกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบกิจการยางพาราในทุกด้าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน ขอให้ผู้ที่ติดขัดในเรื่องการขายยาง หรือผลิตภัณฑ์ยางพารา จากการที่มีบางโรงงานชะลอการรับซื้อ ประสานมาที่ กยท.พื้นที่เพื่อหาทางช่วยเหลือดังกล่าวต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทุกคนดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ อยู่กับบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อ"นายขจรจักษณ์ กล่าว
ล่าสุด ทางประเทศมาเลเซียได้ตอบตกลงให้มีการเปิดด่านปาดังเบซาร์ ด่านขนส่งทางรถไฟเพิ่ม โดยจะเริ่มเปิดด่านในวันที่ 6 เมษายน 2563 นี้ ซึ่งในแต่ละเที่ยวรถไฟประเทศไทยจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ประจำรถไฟ จำนวน 19 คน เพื่อดูแลตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่จะนำเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย และต้องผ่านการตรวจคัดกรองของประเทศมาเลเซียทุกครั้ง
นอกจากนี้ กยท. ได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ยางพาราจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเกษตรกร สถาบันเกษตรชาวสวนยาง ผู้ประกอบการยาง รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านยางพาราจากสถานการณ์ดังกล่าว สามารถติดต่อแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์และปัญหา ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาเรื่องรายได้ เรื่องระเบียบและการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของ กยท. และเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อ supply chain ยางพารา
ทั้งนี้ กยท. บริการรับเรื่องร้องทุกข์ปัญหายางพาราฯ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ และสามารถสอบถามเรื่องโครงประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง สามารถติดต่อโดยตรงไปยังเบอร์ของโครงการ ฯ ในวันและเวลาราชการเท่านั้น