น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ให้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก เพิ่มวงเงินสินเชื่อ และขยายระยะเวลาการทำสัญญาเงินกู้ ตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพิ่มเติม โดยให้เพิ่มเป้าหมายปริมาณการชะลอขายข้าวเปลือกเป็น 1.5 ล้านตัน จากเดิม 1 ล้านตัน พร้อมทั้งปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อโครงการเป็น 15,000 ล้านบาท จากเดิม 10,000 ล้านบาท และขยายระยะเวลาการทำสัญญาให้สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.63 ส่วนภาคใต้ขยายถึงวันที่ 31 ก.ค.63 จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.63
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้จัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกปีการผลิต 2562/63 วงเงินรวมทั้งสิ้น 682.86 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินงบประมาณประจำปี 2564 และปีถัดๆ ไป ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ชำระเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก 1 ต่อปี และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงกรณีที่มีการระบายข้าว ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าวเปลือก และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว รวมทั้งเห็นชอบให้จัดสรรค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกโครงการฯ (เพิ่มเติม) วงเงินรวม 750 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือกโครงการเป็น 1.5 ล้านตัน เพื่อจ่ายเป็นค่าฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกร ตันละ 1,500 บาท และสถาบันเกษตรกรที่รับฝากไว้ ตันละ 1,500 บาท แบ่งออกเป็น สถาบันเกษตรกรได้รับตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ฝากข้าวได้รับตันละ 500 บาท ซึ่งต้องเก็บข้าวไว้อย่างน้อย 1 เดือน ระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ขอจัดสรรงบประมาณจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพิจารณาต่อไป
น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายโอกาสส่งออกข้าวไทยไปยังต่างประเทศ เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก อาจทำให้ความสามารถการผลิตของแต่ละประเทศลดลงและมีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวเพิ่มมากขึ้น และต้องไม่กระทบความต้องการในประเทศ
ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติเห็นชอบโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท โดยกำหนดเป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก ระยะเวลาการทำสัญญาเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.62-29 ก.พ.63 ซึ่งมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ออกสินเชื่อจากผลการดำเนินโครงการ ณ วันที่ 24 ก.พ.63 ปรากฎว่ามีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ขอสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท และมีปริมาณข้าวเปลือกรวม 1.45 ล้านตัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือยังเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางและมีความประสงค์ขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิยังอยู่ในภาวะชะลอตัวและราคาข้าวเปลือกเหนียวยังคงมีความผันผวน คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จึงมีมติเมื่อวันที่ 2 มี.ค.63 อนุมัติการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพิ่มเติมตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ เพื่อเป็นการชะลอการขายข้าวเปลือกและรักษาระดับราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ