กระทรวงการคลัง จะดำเนินการให้มีการรีไฟแนนซ์หนี้ต่างประเทศของภาครัฐในวงเงินประมาณ 3.183 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยในช่วง 4 เดือนนับจากนี้คาดว่าจะดำเนินการได้สำเร็จราว 80% ของวงเงินดังกกล่าว และที่เหลือจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือนหลัง ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐและรัฐวิสาหกิจกำลังเตรียมทำรีไฟแนนซ์หนี้ต่างประเทศเพื่อประโยชน์ของประเทศ วงเงินประมาณ 3.183 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เงินกู้ดังกล่าว ประกอบด้วย เงินกู้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)วงเงินเทียบเท่า 1.274 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่กู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค)ที่ใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมมหานคร ซึ่งจะแปลงหนี้จากสกุลเยนเป็นเงินบาท ซึ่งจะสามารถประหยัดวงเงินใช้หนี้โดยรวมถึง 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขณะที่กู้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36 บาท/ 100 เยน แต่ขณะนี้อยู่ที่ 27 บาท/100 เยน
และ เงินกู้รัฐบาลที่กู้จากเจบิค วงเงินประมาณ 690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการของส่วนราชการต่าง ๆ อาจจะดำเนินการทั้งสวอปและรีไฟแนนซ์สกุลเยนเป็นสกุลบาท
เงินกู้ของบมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.หรือ AOT)วงเงิน 546 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้ในโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสามารถทำสวอปจากสกุลเยนเป็นสกุลบาท , เงินกู้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่กู้จากเจบิค วงเงินเทียบเท่า 235 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้ในโครงการพัฒนารถไฟ ซึ่งสามารถรีไฟแนนซ์เป็นเงินบาท โดยเจบิคได้เห็นชอบให้ชำระเงินล่วงหน้าไปส่วนหนึ่งแล้ว
เงินกู้ของ บมจ.ทีโอที วงเงินเทียบเท่า 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สามารถรีไฟแนนซ์จากสกุลเยนเป็นสกุลบาทได้, เงินกู้ของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) วงเงินเทียบเท่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะสวอปจากสกุลยูโรเป็นเงินบาท , การชำระค่าเครื่องบินของบมจ.การบินไทย(THAI) วงเงินเทียบเท่า 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการซื้อเครื่องบินใหม่ 2 ลำที่จะครบกำหนดชำระในเดือนก.ย.และ ต.ค.50 ซึ่งจะเปลี่ยนมาชำระเป็นเงินบาทแทน
ในส่วน 80% ของวงเงินกู้ที่จะดำเนินการรีไฟแนนซ์ภายใน 4 เดือน คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม โดยนายสรรเสริญระบุว่าจะเรียกประชุมรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อให้เร่งดำเนินการตามแผนงานดังกล่าว ซึ่งเป็นแผนที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการก่อหนี้(กกน.)แล้ว
นายสมหมาย กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีส่วนช่วยค่าเงินบาท เพราะเป็นการนำเงินตราต่างประเทศในเงินสำรองระหว่างประเทศออกไปใช้หนี้ต่างประเทศ แต่ก็ไม่ใช่มีเพียงมาตรการเดียว จำเป็นต้องมีมาตรการอื่นร่วมด้วย เนื่องจากในระยะกลางค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าอีก จึงยังต้องมีมาตรการอื่น ๆ มาดูแลค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทไม่ควรแข็งไปมากกว่านี้แล้ว
อนึ่ง ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 50 ภาครัฐได้ทำรีไฟแนนซ์และสวอปเงินกู้ต่างประเทศไปแล้ว 2.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 7 หมื่นล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--