นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเดินหน้าผลักดันการเป็นศูนย์กลางการซื้อ-ขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของภูมิภาค (Regional LNG HUB) ของประเทศ โดยอยู่ระหว่างการปรับแก้กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือเป็นอุปสรรคต่อนโยบายการค้าเสรี LNG พร้อมกับมอบหมายให้บมจ.ปตท. (PTT) จัดทำแผนเพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นผู้นำธุรกิจก๊าซฯในภูมิภาคสอดรับกับทิศทางของอาเซียน และต่อยอดไปสู่ธุรกิจนำเข้ารูปแบบการขนส่งด้วยเรือขนาดเล็กแปรสภาพก๊าซฯผ่านรถขนส่ง (small scale LNG) เพื่อกระจาย LNG ไปสู่ภูมิภาคต่อไป โดย ปตท.จะเริ่มทดสอบการให้บริการขนถ่าย LNG (Reload System) เพื่อขนถ่าย LNG จากคลังสู่เรือขนาดเล็ก จากนั้นคาดว่าจะสามารถเตรียมขนส่งเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนภายในไตรมาส 3-4 ปีนี้
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า นโยบายการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น LNG HUB จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เพราะปัจจุบันพบว่าหลายประเทศเริ่มเตรียมแผนนำเข้า LNG และมีการก่อสร้างคลัง LNG อาทิ กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา ขณะเดียวกันไทยต้องเร่งเจรจากับลูกค้าเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่นได้ ขณะเดียวกันคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็จะต้องเร่งออกกฎระเบียบ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการนำเข้าเพื่อส่งออก LNG ซึ่งกฎระเบียบจะต้องมีความชัดเจน อำนวยความสะดวกต่อการส่งออก อย่างไรก็ตามหากไทยต้องการเป็น LNG HUB ในภูมิภาค จะต้องเร่งดำเนินการ และควรที่จะเห็นการส่งออกภายใน 1-2 เดือนนี้
อนึ่ง เมื่อเดือนก.พ. ปตท. ได้ร่วมลงนามสัญญาซื้อขาย LNG กับ 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยสเปเชียลแก๊ส จำกัด ,บริษัท แอล เอ็น จี ลิ้งค์ จำกัด ,บริษัท ครัยโอไทย จำกัด ,บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) และบริษัท เดอะ แก๊สแคร์ริเออร์ จำกัด โดยการซื้อขาย LNG ดังกล่าวจะใช้รถประเภท Semi-Trailer หรือ ISO Container รับ LNG จากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง และขนส่งไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าก๊าซในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายกลุ่มผู้ใช้ LNG ไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียนต่อไป