น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการของชาวจีน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการสำรวจข้อมูลของบริษัทมินเทล (Mintel) บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก โดยทำการสำรวจจาก 8 เมืองสำคัญของจีน
ผลการสำรวจฯ พบว่าจากการที่ไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบในทุกระดับชั้น ผู้บริโภคจำเป็นต้องหันมาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น และร้านค้าปลีกในชุมชนต้องปรับมาใช้วีแชท (WeChat) ในการสื่อสารซื้อขายสินค้ากับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคาดว่ารูปแบบการซื้อขายเช่นนี้จะยังคงอยู่ในชุมชนชาวจีนหลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว เนื่องจากผู้บริโภคจะหันมาใส่ใจเรื่องการป้องกันด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งกระบวนการซื้อขายและความปลอดภัยของสินค้า นอกจากนี้ ผู้บริโภคจะมุ่งเน้นการซื้อขายสินค้าไปที่อาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ และเนื้อสดมากขึ้น เพราะคิดว่าดีต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าที่ตั้งอยู่บนชั้นวางของมานาน
ผลกระทบอีกด้านที่สำคัญ คือ ภาคการคมนาคมขนส่ง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (หมายรวมถึงโรงแรม รีสอร์ท และการค้าในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ) ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าปลีกและบริการด้านอาหาร ส่วนการจำกัดขอบเขตการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชาชน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าออนไลน์ ทำให้สินค้าบางประเภทขาดตลาด และใช้เวลานานในการเติมเต็มคลังสินค้า
นอกจากนี้ พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปอีกประการหนึ่ง คือก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้คนส่วนใหญ่ซื้อสินค้าให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น แต่หลังการแพร่ระบาดฯ และได้รับคำแนะนำให้อยู่ภายในที่พัก ประชาชนหันมาเลือกซื้อสินค้าในจำนวนมากขึ้นในแต่ละครั้ง เพื่อให้เพียงพออย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ซึ่งรูปแบบการบริโภคเช่นนี้ คาดว่าจะอยู่ในสังคมจีนต่อไปหลังจากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยคาดว่าในอนาคตสินค้าที่ขายในรูปแบบ package ขนาดใหญ่จะได้รับความนิยมมากขึ้น
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า แนวโน้มพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปต่อเนื่องภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ (1) ผู้บริโภคจะแสวงหาการรับรองสุขลักษณะและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น (2) ผู้บริโภคสูงวัยเข้าใจการค้าปลีกมากขึ้น มีการเริ่มหัดใช้เทคโนโลยีการซื้อของออนไลน์ และการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเองก็จะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอสินค้าให้เหมาะสมกับประชากรสูงวัยมากขึ้นเช่นเดียวกัน และ (3) รูปแบบการซื้อสินค้าที่เป็นหีบห่อหรือ package ขนาดใหญ่ อาจจะยังได้รับความนิยมต่อไป แต่การซื้อสินค้าครั้งละจำนวนมาก ๆ คาดว่าจะปรับกลับไปสู่การซื้อในรูปแบบเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายกับตลาดจีน ควรทราบและหาวิธีปรับตัวรองรับต่อไป เพื่อให้สินค้าไทยยังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวจีนเช่นที่เคยเป็นมา
"จากแนวโน้มที่โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมและแนวทางการบริโภคของชาวจีนเปลี่ยนไปนั้น คิดว่าในไทยเองก็จะมีผลพวงตามมาเช่นเดียวกัน เช่น ผู้บริโภคชาวไทยจะนิยมการสั่งอาหารผ่านแอปดิลิเวอรี่มากขึ้น ร้านค้าต้องใช้เทคโนโลยีเป็น การจ่ายเงินจะเป็นเงินสดน้อยลง และอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่เป็นการเร่งดิสรัปชั่นให้เกิดเร็วขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ คงจะต้องปรับตัวรองรับให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้" ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ