นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) สมัยพิเศษ ว่าด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ร่วมกับผู้นำอาเซียนชื่นชมการดำเนินการต่อสถานการณ์โควิด-19 กับผู้นำประเทศบวกสาม ที่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้นำทั้งหมดเห็นพ้องว่า สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นวิกฤตการณ์ของโลกที่ส่งผลอย่างยิ่งต่อทุกภาคส่วนในสังคม
ทั้งนี้ ในการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสนอแนวทางสำคัญ 3 แนวทาง ดังนี้
1. จัดตั้ง "กองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19" โดยจัดสรรเงินที่มีอยู่แล้วจากกองทุนเพื่อการพัฒนาอาเซียน กองทุนความร่วมมือกับจีน ญี่ปุน เกาหลีใต้ และอาเซียนบวกสาม หรือเท่าที่สามารถตกลงกันได้ เพื่อรองรับผลกระทบ ทั้งในระยะสั้น ในการเป็นทุนสำหรับจัดซื้อชุดตรวจ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และในระยะยาว เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อคิดค้นวัคซีนและยา
2. ใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมืออาเซียนบวกสามให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเสนอให้ใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่มีอยู่แล้ว ร่วมกับการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการผลิตนวัตกรรมเพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาด และความท้าทายอื่นๆ ในอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเสนอให้สำนักเลขาธิการอาเซียน และสำนักเลขาธิการความร่วมมือไตรภาคี (TCS) รวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนโยบายและมาตรการของแต่ละประเทศ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากมาตรการริเริ่มเชียงใหม่พหุภาคี (CMIM) เพื่อบรรเทาผลกระทบและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค ในกรณีที่จำเป็น
3. ส่งเสริมทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่าง ๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำอาเซียนบวกสามเห็นพ้องในปีที่ผ่านมา ทั้งการศึกษา การติดต่อสื่อสาร และการค้าการลงทุน พร้อมเร่งใช้เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีใหม่ๆ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ MSMEs รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบจากข่าวปลอม
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเป็นหุ้นส่วนที่แน่นแฟ้นและการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ จะช่วยให้เราเอาชนะวิกฤตนี้ไปได้ โดยไทยพร้อมร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียนบวกสามอย่างเต็มที่ ให้ทุกประเทศในภูมิภาคสามารถฟื้นตัวและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของโลกนี้ต่อไป โดยจะเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน