ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยนและยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้าวันนี้ (16 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวขึ้นจากระดับที่อ่อนค่าลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐเผยตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือนมิ.ย.ที่ปรับตัวลดลง 0.9%
ธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.02 น.ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 122.08 เยนต่อดอลลาร์ จาก 121.93 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.3776 ดอลลาร์ต่อยูโร อ่อนค่าลงจาก 1.3783 ดอลลาร์ต่อยูโร
เอ็นเอบี แคปิตอลเปิดเผยว่า บรรยากาศการซื้อขายเงินดอลลาร์ยังคงซบเซา แม้ว่าผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนก.ค.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจะปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งค่าเฉลี่ยดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์และดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
นอกจากนี้ ค่าเงินเยนยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และยูโรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากจากรายงานข่าวที่ว่าอิหร่านได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นชำระค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมันในรูปเงินสกุลเยนแทนการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอิหร่านเป็นผู้จัดหาน้ำมันในรายใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และบริษัทนำเข้าน้ำมันในญี่ปุ่นต้องการป้องกันความเสี่ยงด้วยการใช้เงินเยนซื้อน้ำมันซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
ทั้งนี้ ตลาดมีแนวโน้มที่จะหันไปจับตาข้อมูลด้านภาวะเงินเฟ้อ อย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีขึ้นล่าสุดในเขตประเทศทวีปยุโรปและเยอรมนีที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมไปถึงผลสำรวจทางการผลิตของมลรัฐนิวยอร์คของสหรัฐประจำเดือนก.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--