นายวิลเลียม โพลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซ็นหลุยส์คาดว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจพุ่งขึ้นรวดเร็วเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในทศวรรษที่ 70 แต่คาดว่าราคาพลังงานในสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลและไม่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
"ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษที่ 70 แต่ภาวะเงินเฟ้อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และอัตราว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลง" นายโพลล์กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมาคมวิลมิงตันในรัฐเดลาแวร์
"ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นรุนแรงเมื่อ 3 ทศวรรษที่แล้วได้ก่อให้เกิดขึ้นเฟ้อสูงขึ้นตามมา แต่สิ่งที่ต่างกันในปัจจุบันนี้ก็คือรูปแบบการคำนวณเงินเฟ้อจากราคาพลังงานนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะได้มีการแยกประเภทพลังงานออกไปอย่างหลากหลาย อาทิ น้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน และก๊าซธรรมชาติ"
"สหรัฐอาจเคยได้บผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งสามารถฟันฝ่าสถานกาณ์น้ำมันแพงได้ และสถานการณ์ดังกล่าวแทบจะไม่กระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ" นายโพลล์กล่าว
นอกจากนี้ นายโพลล์กล่าวว่า "ผมไม่เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านสุขภาพและพลังงานที่เพิ่มขึ้นกำลังทำให้ประชาชนกลุ้มใจและหันไปดื่มเหล้า แต่ผมมองอีกแง่หนึ่งว่าผู้บริโภคสหรัฐสามารถจับจ่ายใช้สอยในสินค้าอื่นๆได้ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ราคาน้ำมันแพงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมากนัก ยกเว้นผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำมากๆ" สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--