นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้เปิดลงทะเบียน"โครงการสินเชื่อฉุกเฉินและโครงการสินเชื่อพิเศษ" ให้ผู้มีอาชีพอิสระ วงเงินกู้สูงสุด 10,000 บาท และผู้มีรายได้ประจำ วงเงินกู้สูงสุด 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยเริ่มลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.นั้น
ข้อมูลล่าสุดจนถึงวันที่ 16 เม.ย. พบว่ามีประชาชนสนใจเข้ามาลงทะเบียนแล้วรวม 520,847 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 13,286,870,000 บาท โดยแบ่งเป็น ขอกู้วงเงิน 10,000 บาท มีจำนวน 318,887 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 3,188,870,000 บาท ส่วนการขอกู้วงเงิน 50,000 บาท มีจำนวน 201,960 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 10,098,000,000 บาท โดยดาดว่าวันนี้จะมีผู้ทยอยลงทะเบียนยื่นกู้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งยอดรวมวันนี้มีโอกาสจะทะลุเกิน 1 ล้านรายแน่นอน
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ย้ำว่าผู้ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th ซึ่งหลังเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อยครบถ้วนแล้ว จะมี SMS แจ้งเตือนกลับมาว่าการลงทะเบียนสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอนุมัติสินเชื่อตามที่ยื่นกู้ เนื่องจากต้องรอตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ก่อน ซึ่งการส่ง SMS เพื่อยืนยันว่าลูกค้าจะได้รับอนุมัติวงเงินกู้ตามที่ขอไว้นั้น จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.เป็นต้นไป
สำหรับคุณสมบัติของผู้ขอกู้โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงิน 10,000 บาทนั้น จะต้องมีอายุ 20-70 ปี ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถแท็กซี่ มัคคุเทศก์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน มีที่อยู่อาศัยแน่นอนสามารถติดต่อได้ ซึ่งไม่ต้องใช้หลักประกัน
ขณะที่คุณสมบัติของผู้ขอกู้โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน วงเงิน 50,000 บาทนั้น จะต้องมีอายุ 20-65 ปี เป็นผู้มีรายได้ประจำ มีที่อยู่อาศัยแน่นอนสามารถติดต่อได้ แต่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกัน และได้รับผลกระทบจากโควิด-19
นายชาติชาย กล่าวว่า สำหรับลูกค้าธนาคารที่ยังมีหนี้ค้างชำระอยู่เดิมกับธนาคาร ก็สามารถมายื่นขอกู้ในโครงการสินเชื่อฉุกเฉินนี้ได้ เพียงแต่จะต้องเป็นหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 30 วัน เพราะหากเกินกว่านั้นจะไม่เข้าคุณสมบัติที่จะขอยื่นกู้ได้ ส่วนกรณีลูกค้าที่ธนาคารได้พักชำระหนี้ให้โดยอัตโนมัติในช่วงก่อนหน้านี้ ก็สามารถเข้าโครงการนี้ได้เช่นกัน โดยธนาคารจะไม่ถือว่าลูกค้ามีการค้างชำระหนี้ เพราะกรณีนี้ถือว่าธนาคารเป็นผู้พักชำระหนี้ให้เอง
อย่างไรก็ดี ได้ฝากเตือนประชาชนว่าห้ามลงทะเบียนเข้าโครงการสินเชื่อฉุกเฉินซ้ำซ้อนกัน ระหว่างธนาคารออมสิน กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยขอให้เลือกเพียงธนาคารเดียวเท่านั้นตามคุณสมบัติที่แท้จริงของตัวเอง เช่น ถ้าประกอบอาชีพอิสระหรือค้าขายก็ให้มาลงทะเบียนกับธนาคารออมสิน ส่วนผู้ที่เป็นเกษตรกร ก็ขอให้ไปลงทะเบียนกับ ธ.ก.ส. ทั้งนี้หากระบบมีการตรวจพบว่าผู้ใดลงทะเบียนซ้ำซ้อนกัน จะต้องถูกตัดสิทธิไม่สามารถเข้าโครงการสินเชื่อฉุกเฉินจากทั้ง 2 ธนาคาร