ทั้งนี้ กฟผ. ได้ตระหนักและให้ความสำคัญพร้อมปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 ของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งตลอดการดำเนินงานตั้งแต่การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นทาง Load LNG จนถึงวันส่งมอบ LNG กฟผ. ได้ติดต่อประสานงานผ่านการประชุมทางไกลระบบวิดีโอ (VDO Conference) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัท PETRONAS LNG, PTT LNG และปตท. ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (PTT TSO) เพื่อเตรียมความพร้อมทุกด้าน
สำหรับการนำเข้า LNG ลำเรือที่ 2 โดยเรือ Seri Angkasa ประเทศมาเลเซียนี้ ลูกเรือและผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันหรือลดผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขและข้อกำหนดของสถานี PTT LNG นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีการตรวจสอบเอกสารการตรวจรับ LNG ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ และในขั้นตอนการ Load ก๊าซธรรมชาติเข้าระบบเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า กฟผ. ทีมงาน กฟผ. ทุกคนได้มีการเฝ้าติดตามการบริหารจัดการเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติผ่านโปรแกรมเรียกรับก๊าซของ PTT LNG และ PTT TSO เพื่อให้การบริหารจัดการเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การนำเข้า LNG ลำเรือที่ 2 ของ กฟผ. จะถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5 โรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่ 4 และ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ชุดที่ 4 ผ่านโปรแกรมเรียกรับก๊าซของ PTT LNG และ PTT TSO ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้เวลาส่งก๊าซจากคลัง ปตท. ไปยังแต่ละโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้ารวมแล้วเสร็จโดยประมาณ ทั้งสิ้น 13 วัน คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง (Ft) 0.7 สตางค์ต่อหน่วย
"อย่างไรก็ดีจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กฟผ. อยู่ในระหว่างการทบทวนแผนการจัดหา LNG ในระยะกลางระหว่างปี 2563 – 2565 ซึ่งได้ผ่านมติคณะกรรมการ กฟผ. เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เห็นชอบให้จัดหา LNG แบบ Spot เพิ่มเติม เพื่อเสริมความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ และเกิดการแข่งขันเสรีก๊าซธรรมชาติ และคาดว่าจะสามารถนำเสนอทางด้านนโยบายเพื่อขอความเห็นชอบในลำดับถัดไป"นางราณี กล่าว