นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาทว่า ณ วันที่ 17 เม.ย.63 มีผู้ลงทะเบียนรวม 28 ล้านรายการ ในจำนวนนี้เมื่อหักการลงทะเบียนซ้ำหลายครั้งออกแล้ว คงเหลือจำนวนผู้ลงทะเบียน 23.5 ล้านคน โดยจากสถานะการตรวจสอบและคัดกรองล่าสุดพบว่า เป็นผู้ผ่านฐานข้อมูลของกรมการปกครอง 21.1 ล้านคน ไม่ผ่านฐานข้อมูลของกรมการปกครอง 1.8 ล้านคน และอยู่ระหว่างการพิจารณา 6 แสนคน
ทั้งนี้ จากกลุ่มผู้ผ่านฐานข้อมูลกรมการปกครองสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มผ่านเกณฑ์ 4.2 ล้านคน ซึ่งในกลุ่มนี้ได้เริ่มต้นโอนเงินเข้าบัญชีหรือพร้อมเพย์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2563 เรียบร้อยแล้ว 3.2 ล้านคน คิดเป็นจำนวนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้เร่งโอนเงินเยียวยาต่อเนื่องทุกวันทำการ สำหรับในกลุ่มที่เหลืออีก 1 ล้านคน จะได้รับเงินเยียวยาภายในสัปดาห์นี้
2. กลุ่มที่ต้องขอข้อมูลเพิ่มเติม 6.3 ล้านคน ซึ่งทยอยได้รับ SMS แจ้งให้นำส่งข้อมูลเพิ่มเติมและได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว 4.4 ล้านคน สำหรับส่วนที่เหลืออีก 1.9 ล้านคน ขอให้เร่งเข้าไปกรอกแบบสอบถามออนไลน์ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com (หัวข้อ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม) เพื่อที่จะได้ทราบผลการคัดกรอง หากผ่านเกณฑ์จะได้รับเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว ส่วนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะสามารถไปใช้ช่องทางขอทบทวนสิทธิได้
3. กลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์ 10.6 ล้านคน ได้ส่ง SMS แจ้งผลการคัดกรองแล้ว 4.7 ล้านคน ส่วนที่เหลือทั้งหมด จะได้รับ SMS ภายในสัปดาห์นี้ สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรองสามารถขอทบทวนสิทธิได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com (หัวข้อ ยื่นทบทวนสิทธิ) โดยจะเปิดรับผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาระยะห่างทางสังคมตามมาตรการลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ขอให้เตรียมข้อมูลสำคัญและกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง เช่น อาชีพของผู้ลงทะเบียน สถานที่และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ กระบวนการทบทวนสิทธิจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนไว้
สำหรับยอดการขอทบทวนสิทธิล่าสุด วันที่ 20 เมษายน 2563 ณ เวลา 12.00 น. อยู่ที่ 7.4 แสนคน
"การขอทบทวนสิทธิวันแรก ยังไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร จนถึงเวลา 12.00 น. มีผู้ขอทบทวนสิทธิ 7.4 แสนคน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตั้งใจ ระบบดำเนินการไปได้ดี โดยคลังขอให้ผู้ที่ได้รับแจ้งว่าไม่ได้สิทธิกรอกข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งระบบให้กรอกข้อมูลไม่มาก เช่น ข้อมูลส่วนตัว และยืนยันอาชีพที่ทำจริง สถานที่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรที่ติดต่อได้ มี 4-5 ขั้นตอน ไม่ต้องกรอกข้อมูลเยอะ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ใช้ลงทะเบียนอยู่แล้ว" นายลวรณกล่าว
สำหรับขั้นตอนการยื่นทบทวนสิทธิ ให้เข้าไปยื่นทบทวนสิทธิผ่าน www.เราไม่ทิ้งกัน.com โดยเข้าไปเลือกที่เมนู "ยื่นทบทวนสิทธิ" ซึ่งจะต้องมีการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรประจำตัวประชนชน 13 หลัก หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ลงทะเบียน และวัน เดือน ปีเกิด หลังจากนั้นให้อ่านข้อตกลงและให้ความยินยอม หลังจากนั้นกรอกข้อมูลคำขอยื่นทบทวนสิทธิ โดยต้องระบุข้อมูลอาชีพที่ตรงกับผู้ลงทะเบียนมากที่สุด ระบุสถานที่ที่เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อได้ ระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ และยืนยันการทำรายการ
กรณีลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ ให้ยืนยันรายการด้วยรหัส OTP ส่วนกรณีลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์บ้าน ให้ยืนยันรายการด้วยหมายเลขโทรศัพท์บ้านและรหัสไปรษณีย์ โดยหลังจากยื่นทบทวนสิทธิบนเว็บไซด์สำเร็จ บนหน้าจอจะปรากฏข้อความ "ยื่นทบทวนสิทธิสำเร็จ" และสถานะจะเปลี่ยนทันที เป็น "อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลขอทบทวนสิทธิ"
นอกจากนี้ ในรายที่ต้องใช้หลักฐานเพิ่มเติม จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปภาพถ่ายตอนขอทบทวนสิทธิ 3 ภาพ ประกอบด้วย 1.ภาพผู้ขอรับสิทธิ 2.ภาพบัตรประชาชน และ 3.ภาพยืนยันว่าได้ทำอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนจริง ซึ่งถ่ายกับสถานที่ประกอบการ
นายลวรณ กล่าวว่า กลุ่มทบทวนสิทธินี้ กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายตรวจสอบข้อมูลเร็วที่สุดใน 2 สัปดาห์ หรือบางกลุ่มถ้าพิสูจน์ว่าได้รับสิทธิจริง ก็จะโอนเงินได้ภายใน 1 สัปดาห์ เช่น กลุ่มที่แจ้งว่าเป็นเกษตรกร แต่จริงๆ ขับแท็กซี่ กลุ่มนี้เดิมกระบวนการคัดกรองตรวจสอบเจอว่าเป็นเกษตรจึงจับพักไว้ก่อน แต่กระทรวงการคลังจะปรับวิธีการใหม่ โดยยึดใบประกอบอาชีพยืนยันตัวตนจริง ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ไปดู เพราะมีหลักฐานพิสูจน์ตัวตนอยู่แล้ว เป็นการตัดการลงพื้นที่ไปได้หลายแสนคน บางรายต้องมีการส่งทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ให้ประชาชน การคัดกรองจะเป็นระดับอำเภอลงพื้นที่ไปตรวจสอบสิทธิให้ประชาชน
ทั้งนี้ สำหรับผู้รับสิทธิที่แจ้งว่าประกอบอาชีพอิสระ ขับแท็กซี่ หรืออื่นๆ เพื่อขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทไปแล้ว ในอนาคตหากมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มอื่นๆ เช่น เกษตรกรโดยตรง ก็จะไม่ได้รับสิทธิอีก เพราะกระทรวงการคลังไม่ต้องการให้รับเงินหลายทาง ซ้ำซ้อน ส่วนนักเรียน นักศึกษา ถ้าทำงานไปด้วยและมีการประกอบอาชีพจริง ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือด้วย ซึ่งการศึกษามีได้ทุกระดับ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ชี้แจง
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับแจ้งปัญหาว่ากระทบวนการทบทวนสิทธิติดขัดอะไร เช่น กรอกข้อมูลแล้วไม่พบ หรือไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มในหน้าเว็บไซต์ได้ โดยกระทรวงการคลังขอย้ำกว่า กลุ่มที่ยื่นทบทวนสิทธิได้ จะต้องเป็นกลุ่มที่ได้รับ SMS และระบบแจ้งว่าไม่ได้รับสิทธิแล้วเท่านั้น ในกลุ่ม 10.6 ล้านราย กลุ่มที่อยู่ระหว่างพิจารณา จะขอยื่นทบทวนสิทธิไม่ได้ ดังนั้นขอให้ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการ รอให้ระบบแจ้งผลการตรวจสอบก่อน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังยืนยันความจำเป็นที่จะต้องมีการปิดโครงการรับลงทะเบียนเงินเยียวยา 5,000 บาท ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เพราะถ้าโครงการไม่ปิด จะไม่มีการประมวลผล ซึ่งกระทรวงการคลังย้ำว่าจะมีมาตรการอื่นออกมาเพื่อดูแลกลุ่มที่เปราะบาง มาตรการเราไม่ทิ้งกันไม่ใช่มาตรการเดียวของรัฐบาลในการดูแลผลกระทบจากโควิด-29 ในส่วนผู้ที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท หากผ่านเกณฑ์ก็จะได้เงินทุกคนที่เข้ามาตรการไม่มีเป้า จะเป็นกี่ล้านคนรัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลทุกคนที่ผ่านเกณฑ์
"การยื่นขอทบทวนสิทธิจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย หากผลการตรวจสอบแจ้งว่าได้สิทธิ หรือไม่ได้สิทธิ ก็ถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่มีการให้ทบทวนสิทธิรอบสอง เพราะการทบทวนสิทธิ เป็นการพิสูจน์เพื่อสิ้นข้อสงสัยแล้ว มีการลงพื้นที่จริงว่าทำอาชีพอะไรจริง ถ้าทำจริงก็คือความจริง ถ้าลงพื้นที่ไม่เจอตามที่ลงทะเบียนก็ไม่ได้รับสิทธิ" โฆษกกระทรวงการคลังระบุ