นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.63 สหรัฐฯได้ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ให้กับสินค้าไทย 573 รายการอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากได้ประกาศจะตัดสิทธิไทยในรอบทบทวนการให้สิทธิเป็นรายประเทศ (คันทรี รีวิว) ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.62 โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไทยไม่ให้สิทธิแรงงานตามมาตรฐานสากลอย่างเพียงพอตามการร้องเรียนของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (เอเอฟแอล-ซีไอโอ)
โดยเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้ทำหนังสือถึงยูเอสทีอาร์ ให้พิจารณาเลื่อนการตัดสิทธิไทยออกไปก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เหมือนกัน เพื่อให้สหรัฐฯ ยังซื้อสินค้าจากไทยในราคาถูก เพราะไม่เสียภาษีนำเข้า และไทยก็จะได้ส่งออกได้มากขึ้น และช่วยฟื้นฟูประเทศ ขณะเดียวกันไทยได้ขอให้ 17 สมาคมของสหรัฐฯที่นำเข้าสินค้าไทย ทำหนังสือถึงยูเอสทีอาร์ และถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เลื่อนเวลาการตัดสิทธิออกไปด้วย แต่สุดท้ายไม่เป็นผล สินค้าไทย 573 รายการถูกตัดสิทธิอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.63
"การถูกตัดสิทธิสินค้า 573 รายการดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า เซรามิก เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ ที่นำเข้าสินค้าไทยต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติเฉลี่ยที่ 4.7% จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่การถูกตัดสิทธิดังกล่าวไม่ได้ทำให้ไทยสูญเสียมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ปีละเกือบ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แน่นอน ไทยยังส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯได้เหมือนเดิม ไม่ใช่ส่งออกไม่ได้เลย เพียงแต่ผู้เข้าต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติเท่านั้น โดยในปี 62 ไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯมูลค่าประมาณ 31,190 ล้านเหรียญฯ ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิและไม่ได้รับสิทธิ" นายกีรติ กล่าว
ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีสินค้าไทย 3,500 รายการที่ได้รับสิทธิจีเอสพีจากสหรัฐฯ และในจำนวนนี้ ไทยถูกตัดสิทธิ 573 รายการ ซึ่งมีทั้งสินค้าที่ไทยใช้สิทธิ และไม่ใช้สิทธิรวมกันอยู่ โดยมีสินค้าที่ใช้สิทธิ 315 รายการ คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านเหรียญฯ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สหรัฐฯยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดจีเอสพีสินค้าไทยเพิ่มเติมตามรอบคันทรี รีวิว ซึ่งเป็นการร้องเรียนของสมาคมผู้ค้าสุกรแห่งชาติที่เรียกร้องให้ยูเอสทีอาร์ตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทย เพราะไม่เปิดตลาดให้กับสินค้าสหรัฐฯอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะไม่เปิดตลาดนำเข้าหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีน ซึ่งยังไม่รู้จะประกาศผลการพิจารณาเมื่อไหร่
"เรื่องการตัดจีเอสพี ผู้ประกอบการไทยรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า วันหนึ่งก็ต้องถูกตัดสิทธิ และได้เตรียมปรับตัวผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อแข่งขันในตลาดระดับบน ไม่แข่งขันด้านราคาเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังช่วยเหลือในด้านต่างๆ ด้วย เช่น หาตลาดใหม่ จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ ส่วนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ก็ได้ออกแพ็กเกจต่างๆ ช่วยเหลือในการเสริมสภาพคล่องให้แล้ว" นายกีรติ กล่าว