(เพิ่มเติม) นายกฯระบุพร้อมรับข้อเสนอเอกชนแก้บาทแข็ง เพื่อป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 16, 2007 18:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

           พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับที่ประชุมร่วมกับ 3 สมาคมภาคเอกชนในช่วงเย็นวันนี้ โดยขอให้เอกชนช่วยกันเสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทว่ามีแนวทางอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่ได้คาดคิด ขณะที่รัฐบาลจะพยายามดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด
ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานกรรมาธิการการเงิน การคลังและสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า สถานการณ์การเงินและเศรษฐกิจในขณะนี้ ปรากฎว่าประสบปัญหารายได้กระจุกตัว ประชาชนมีหนี้มาก การบริโภคและการลงทุนลดลง กรรมาธิการฯจึงมีความเห็นว่าไม่อยากให้รัฐบาลดำเนินการโดยการใช้กลไกทางการคลัง เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพราะ ประชาชนในระดับล่างไม่สามารถเข้าถึงมาตรการดังกล่าวได้ กรรมาธิการมีความเห็นว่า รัฐบาลควรใช้มาตรการการเงินเข้ามา
สำหรับมาตรการทางการคลัง ที่รัฐบาลนำเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมและทั่วถึง เช่น โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ประกอบกับมีปัญหาราคาน้ำมันผันผวน ค่าเงินบาทแข็งตัว ราคาสินค้าเกษตรลดลง ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลงด้วยดังนั้นจึงควรมีการประกาศมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม
นายสังศิตกล่าวว่า เตรียมเสนอโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติ โดยใช้เงินธนาคารรัฐ 4 แห่ง คือ ธ.ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจชุมชน (เอสเอ็มอีแบงก์) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 116,200 ล้านบาท เนื่องจากมีสภาพคล่องจำนวนมาก หากอาศัยงบประมาณภาครัฐจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ล่าช้า เพราะมีขั้นตอนการอนุมัติที่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ต้องขอความเห็นชอบจาก ครม. เพื่อต้องการให้ชดเชยดอกเบี้ย และความเสี่ยงจากโครงการ ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 400 ล้านบาท
“หากนายกฯ เห็นด้วยและสามารถเสนอให้ที่ประชุมครม. เห็นชอบก็สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เนื่องจากคณะทำงานได้วางแผนร่วมกับ 4 แบงก์รัฐมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ส่วนเรื่องของดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้นั้นจะต่ำกว่าตลาด แต่ก็ต่ำกว่าไม่มากเพื่อไม่ให้บิดเบือนกลไกตลาด แต่ที่สำคัญไม่ใช่โครงการประชานิยมเหมือนกับสมัยรัฐบาลก่อน เพราะธนาคารจะเข้มงวดการให้สินเชื่อ รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงกับผู้กู้เงิน"นายสังศิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ