นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในขณะนี้ว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม ในส่วนของสินค้าเกษตรไม่ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากผลผลิตที่ออกมายังไปได้ดีและราคาตลาดโลกดีพอสมควร ทำให้ยังส่งออกได้แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมากก็ตาม
ทั้งนี้ ค่าเงินของไทยแข็งค่าอยู่ในระดับเดียวกับประเทศเกาหลี ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ขณะที่ค่าเงินของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย อ่อนค่ากว่าของไทยเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้ประกอบการพยายามรักษาตลาดไว้จนกว่าค่าเงินบาทจะอยู่คงที่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในระดับประมาณ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากนั้นผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวโดยการลดต้นทุน ซึ่งบางอุตสาหกรรมต้องใช้เวลา 6 เดือน - 1 ปี
ประธานสภาหอการค้าฯ กล่าวอีกว่า ในการเข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ผ่านมานั้น ต้องการให้เข้าไปดูแลค่าเงินบาท ขณะที่เรื่องขบวนการปรับตัวต้องคุยกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ ยังยืนยันว่า การส่งออกยังเป็นไปตามเป้าเดิมของกระทรวงพาณิชย์ที่ร้อยละ 12.5 เนื่องจาก 5 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ย 18-19 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทจนถึงช่วงสิ้นปีได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยเป็นตัวแปร โดยเฉพาะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.0-2253-5050 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--