(เพิ่มเติม) 6 มาตรการแก้บาทแข็งมีผลทันที/กองทุนช่วยเหลือ SME 5 พันลบ.เริ่มสิ้นก.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 24, 2007 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          มาตรการแก้ไขปัญหาการแข็งค่าของเงินบาททั้ง 6 มาตรการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีจะมีผลตั้งแต่วันนี้ ส่วนการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาบาทแข็ง วงเงิน 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นข้อเสนอของภาคเอกชนนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า มาตรการทั้ง 6 จะมีผลตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะมีความเปลี่ยนแปลง และอาจจะมีมาตรการปลีกย่อยที่จะออกมาเสริมตามมาอีก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดทั้งการขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และการทำประกันความเสี่ยงการซื้อขายทองคำ
ขณะที่นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ธปท.และคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมได้ร่วมนำเสนอมาตรการเพื่อดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพไม่ให้เกิดความผันผวน โดยให้หลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลเงินตราต่างประเทศมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เนื่องจากประเทศไทยยังต้องเผชิญกับภาวะความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปอีกนานและต่อเนื่อง จึงต้องจัดการกับระบบดูแล แต่ก็เห็นว่าการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของทางการมีศักยภาพมากขึ้น เพราะหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน ก็เกิดความผันผวนของค่าเงินเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นมาตรการทั้ง 6 แล้ว คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบแนวทางการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ SME ในวงเงินเบื้องต้น 5 พันล้านบาท โดยให้ ธปท.ร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยในการจัดตั้ง ซึ่งเงื่อนไขรายละเอียดต่าง ๆ ของกองทุนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ธปท.จะพิจารณาต่อไป ภายใต้หลักการที่จะให้ปฏิบัติได้ภายในสิ้นเดือนนี้
นายโฆสิต กล่าวว่า ประเด็นเรื่องมาตรการทั้ง 6 ข้อได้ข้อสรุปชัดเจนแล้ว เหลือแต่สิ่งที่ธปท.จะต้องไปพิจารณาว่าจะนำเงินฝากที่เป็นเงินตราต่างประเทศไปทำอะไร และ รายละเอียดในการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ SME
ส่วนนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการทั้ง 6 เป็นการผ่อนคลายการถือครองเงินตราต่างประเทศ และการนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ
แต่ในส่วนข้อเสนอของเอกชนที่ขอให้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีตามมาตรา 19 ทวิให้เร็วขึ้นนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีเพราะจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงการคลัง ซึ่งจะต้องนำเข้าครม.และสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อน ถึงอาจจะช้าไปบ้างแต่ก็จะให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค.50
นายฉลองภพ กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทถือว่ามีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว เห็นได้จากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่าลง
ด้านนางธาริษา กล่าวอีกว่า ตลาดเงินบาทที่ยังแยกกันระหว่างตลาดในประเทศและนอกประเทศ ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท แต่อาจมีผลทางด้านจิตวิทยา ซึ่งธปท.ได้แก้ไขด้วยการอนุญาตให้ผู้ที่ทำ hedging ในตลาดออฟชอร์ย้ายมาทำ hedging ในประเทศได้ ซึ่งคงจะต้องรอผลชัดเจนภายใน 1 เดือนว่าจะมีการย้ายเข้ามามากน้อยเพียงใด เชื่อว่าจะทำให้เงินบาทในออฟชอร์มีน้อยลง โดยจะเหลือแต่เงินบาทที่ไม่มีธุรกรรมรองรับที่ไม่สามารถย้ายเข้ามาได้
ผู้ว่าการ ธปท.ยังเห็นว่าขณะนี้มีโอกาสที่ดีที่ภาคเอกชนจะชำระหนี้ต่างประเทศล่วงหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อค่าเงินบาท และดีต่อฐานะของภาคเอกชนเอง เพราะจะมีภาระดอกเบี้ยและเงินกู้ลดลง โดยมองว่าในระยะต่อจากนี้จะมีการหันมากู้ในประเทศมากขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และเงินบาทแข็งค่าขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ