"ภัทรียา"เตือนศึกษาการเก็บภาษีกำไรจากซื้อขายหุ้นให้รอบคอบก่อนคิดใช้

          นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวถึงข้อเสนอของนักวิชาการให้มีการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กรณีที่ทำกำไรเกินกว่า 5-10 ล้านบาท/ปีว่า เรื่องภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อการลงทุน ซึ่งอาจกระทบต่อสภาพคล่องในตลาด ดังนั้น จึงควรศึกษาในภาพรวมให้รอบคอบเสียก่อนก่อน และควรมีการศึกษาภาษีประเภทอื่นเพื่อเป็นทางเลือกด้วย
          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบเม็ดเงินจากต่างชาติที่เข้ามาสร้างราคาหุ้นในขณะนี้แม้ว่าจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพฤติกรรมของนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 50 หรือ Big Cap ขณะที่การสร้างราคาหุ้นมักจะพบในหุ้นที่มีขนาดเล็กมากกว่า
          อย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวหากพบว่ามีความผิดปกติ ตลท.ก็สามารถตรวจสอบได้โดยการขอข้อมูลจากโบรกเกอร์ ขณะเดียวกันก็ร้องของให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตรวจสอบทางเดินของเงินที่เข้ามาซื้อหุ้นได้เช่นเดียวกัน 
          "ต่างชาติจะซื้อหุ้นใน SET 50 มากกว่าที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีขนาดเล็ก เพราะส่วนใหญ่จะถือลงทุนในระยะยาวและหวังผลตอบแทน แต่ที่พบเจอตอนนี้ในการทำราคาจะเห็นกับหุ้นที่มีขนาดเล็กมากกว่า"นางภัทรียา กล่าว
          นางภัทรียา กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่ากระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมีสูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาคก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นไทย แต่สภาพปกติของตลาดหุ้นจะต้องมีความผันผวนบ้าง จึงอยากให้นักลงทุนมีการติดตามข้อมูลพื้นฐาน และสถานการณ์ตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน และอยากให้นักลงทุนพิจารณาถึงการจัดสรรเงินออมให้เหมาะสมกับเงินที่มี รวมถึงพื้นฐานหุ้นด้วย
          ส่วนในเรื่องของเป้าบริษัทจดทะเบียนนั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ในเดือนนี้จะนำเรื่องเป้าบริษัทจดทะเบียนเข้าหารือในคณะกรรมการตลท. แต่จากการหารือกันภายใน เชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนใหม่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นดีขึ้น สภาพคล่องมากขึ้นด้วย จึงทำให้มั่นใจว่าจะมีบริษัทเข้าระดมทุนมากกว่าช่วงต้นปี 
          นอกจากนี้ จากบรรยากาศตลาดหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้นก็จะมีการเข้าไปหารือกับบริษัทที่อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียน เพื่อให้มีกระบวนการไฟลิ่งที่เร็วขึ้นด้วย