องค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและเศรษฐกิจ หรือโออีซีดี ได้ออกมาเตือนว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีน กำลังสร้าง
ความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง และความพยายามของจีนในการสกัดกั้นมลภาวะนั้นยังคงไม่เพียงพอ
"การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว และการก้าวเป็นประเทศอุตสาหกรรมและเมือง ได้สร้างความกดดันอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของมนุษย์ และทรัพยากรธรรมชาติเองก็ถูกทำลาย" อังเกล กัวเรีย เลขาธิการ โออีซีดี กล่าว
เขากล่าวต่อไปว่า ระดับมลพิษทางอากาศในบางเมืองอยู่ในขั้นเลวร้ายที่สุดในโลก ขณะที่ 1 ใน 3 ของแหล่งน้ำก็ตรวจพบสารปนเปื้อน รวมทั้งความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับสภาวะการทำงานและสิ่งแวดล้อมที่ย่ำแย่
นอกจากนี้ จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และยังเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคสารทำลายชั้นโอโซนรายใหญ่ที่สุดด้วย
ขณะที่ทางการจีนได้ประกาศใช้กฎหมายและมาตรการทางเศรษฐกิจหลายครั้ง แต่ความพยายามนี้ยังคงไม่เพียงพอที่จะแก้ไขภาวะกดดันทางสิ่งแวดล้อมและความท้าทายที่เกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานโดยอ้างคำแนะนำด้านนโยบาย 51 ข้อของโออีซีดีว่า การบริโภคพลังงานต่อหน่วยของผลผลิตเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโออีซีดีราว 20% ส่วนการผันน้ำขนาดใหญ่จากตอนใต้ขึ้นไปทางตอนเหนือของจีนนั้น ก็จำเป็นต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ โออีซีดี ได้แนะนำว่า การปรับราคาพลังงาน น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆให้สูงขึ้นจะช่วยสะท้อนภาวะขาดแคลนได้ดีขึ้น "ราคาพลังงาน น้ำ และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆที่ราคาต่ำเกินไปจะต้องได้รับการแก้ไข"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--