นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการหารือกับนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต่อสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้ เห็นว่าผู้ส่งออกไม่ควรตื่นตระหนกกับการแข็งค่าของค่าเงินบาทมากเกินไป เพราะจะยิ่งส่งผลกระทบให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการเทขายดอลลาร์ของผู้ส่งออกในระยะนี้
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะประชุมร่วมกับภาคเอกชนในนามคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ในวันที่ 16 ก.ค.
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์คงไม่จำเป็นต้องปรับเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ 12.5% เพราะปัญหาค่าเงินบาทไม่ได้อยู่ที่ส่งออกมากเกินไป แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือการนำเข้าที่ขยายตัวน้อยเกินไป
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือบาทแข็งค่าเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะกระทบให้เศรษฐกิจหดตัว 0.2-0.3% ดังนั้นหากปล่อยให้ภาวะเช่นนี้ยืดเยื้อจะกระทบให้การส่งออกในครึ่งปีหลังลดลง กระทบถึงดุลการค้าลดลงเช่นกัน
นอกจากนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจต้องเลื่อนไปเป็นช่วงต้นปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
ค่าบาทแข็งค่าทุก 1 บาทกระทบต่อเศรษฐกิจหดตัว
นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการสิ่งทอต้องปิดโรงงานนั้นเป็นเพราะอุตสาหกรรมสิ่งทอต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงมานานแล้วก่อนที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการไทยยังผลิตสินค้าคุณภาพต่ำจึงไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนต่ำได้ ดังนั้นเรื่องเงินบาทแข็งค่าจึงไม่ใช่ข้ออ้างที่ผู้ประกอบการจะนำมาอ้างปิดโรงงานในขณะนี้
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--