รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพยายามของผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าไทยที่เตรียมประสานงานขอโอกาสเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาความเหมาะสมของนางธาริษา วัฒนเกส ในการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) ขณะที่ล่าสุดวานนี้นายกรัฐมนตรียังคงระบุว่า ธปท.พยายามดูแลค่าเงินบาทอย่างเต็มความสามารถแล้ว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าไทยหลายรายแสดงความไม่พอใจการทำงานของธปท.ในการดูแลค่าเงินบาท เพราะที่ผ่านมาผู้ส่งออกเคยเตือนธปท.ว่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นมาก ตั้งแต่ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 38 บาท/ดอลลาร์ จนกระทั่งบาทแข็งขึ้นมาที่ 36 บาท/ดอลลาร์ แต่ธปท.ก็ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทได้ และล่าสุดได้แข็งค่ามาจนถึง 33 บาทกว่า/ดอลลาร์แล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงที่เงินบาทอยู่ในระดับ 38 บาท/ดอลลาร์ นางธาริษาจะยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.แต่ผู้ส่งออกก็ได้แจ้งเตือนธปท.มาโดยตลอด ขอให้เร่งแก้ไขปัญหา และรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมาก แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้จนถึงขณะนี้ธุรกิจจำนวนมากต้องประสบปัญหา และอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการหลายราย ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดการเลิกจ้างแรงงาน
นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาค่าเงินบาทเปรียบเทียบกับค่าเงินของประเทศอื่นในภูมิภาค พบว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 7% นับตั้งแต่ต้นปี 50 ขณะที่ค่าเงินของจีนหรือมาเลเซีย แข็งค่าขึ้นเพียง 2% กว่า ๆ เท่านั้น ดังนั้น ผู้ส่งออกจึงต้องการเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับธปท.
แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่า ในวันนี้ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการหยิบยกปัญหาค่าเงินบาทขึ้นมาหารือกันชั่วโมงเศษ ซึ่งนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้หยิบยกวิธีการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทของธปท.มานำเสนอกับที่ประชุมครม.และตั้งข้อสังเกตถึงแนวคิดและวิธีการบริหารจัดการของธปท.ที่ไม่ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านแหล่งข่าวจากคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ธปท.ควรต้องเร่งแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนไปมากนัก เช่น หากค่าเงินผันผวนเกิน 1% ก็ต้องเร่งแทรกแซง เพื่อไม่ธุรกิจได้รับความเสียหายมากนัก
แต่ที่ผ่านมาผู้บริหารของธปท. ไม่กระตือรือร้นกับปัญหาที่เกิดขึ้นมากนัก จนหน่วยงานอื่นเข้าร่วมในการแก้ปัญหา เพราะเห็นว่าหากปล่อยให้ ธปท.ดำเนินการเพียงองค์กรเดียวในขณะนี้คงรับภาระไม่ไหวแน่
"ธปท. ต้องจัดระบบการป้องกัน รวมถึงออกมาตรการใหม่ ในการสกัดเงินเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ไทยอย่างมาก ขณะเดียวกันองค์กรต้องเพิ่มบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหาร เพราะหากจะเน้นเฉพาะคนดีเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องรู้เท่ากันพวกเก็งกำไรค่าเงินของบุคคล หรือกองทุนเฮดฟันด์ด้วย จึงจะสามารถรักษาเสถียรภาพค่าเงินได้"แหล่งข่าว กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ศศิธร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--