UN จี้ทั่วโลกใช้มาตรการความปลอดภัยอาหารให้เข้มงวด หลังพบสารปนเปื้อน

ข่าวต่างประเทศ Friday July 20, 2007 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          องค์การเกษตรและอาหารแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัด UN เรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกเสริมสร้างระบบความปลอดภัยด้านอาหารให้เข้มงวดมากขึ้น และเตือนให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้ามีความระมัดระวังมากขึ้น
องค์กรทั้งสองแห่งเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ความปลอดภัยด้านอาหารเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงการตรวจพบสารเมลามีเกรดอุตสาหกรรมที่ปนเปื้อนในอาหารสัตว์และอาหารปลานั้น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอาจทำให้ต้องระงับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารในตลาดการค้าโลก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น WHO และ FAO ได้ตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้า 200 รายการต่อเดือน เพื่อดูว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหรือไม่
"ความปลอดภัยด้านอาหารเป็นประเด็นของทุกประเทศและของผู้บริโภคอาหารทุกคน ทุกประเทศจะได้ประโยชน์ก็ต่อเมื่อใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากระยะเวลาที่อาหารเดินทางมาจากฟาร์มเพื่อนำมาปรุงขึ้นโต๊ะ" ดร.จอร์เก้น ชันด์ ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยอาหารประจำ WHO กล่าว
"ทุกประเทศสามารถมีส่วนร่วมในตลาดอาหารโลกและสร้างความไว้วางใจในหมู่ผู้บริโภคได้ เพียงแต่ดำเนินการตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากล" เอซเซดดีน โบทริฟ ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการและคุ้มครองผู้บริโภคของ FAO กล่าว
ทั้งนี้ FAO และ WHO ระบุว่า ระบบการผลิตอาหารในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน อาทิ ปัญหามลภาวะและการขยายพื้นที่ป่าให้กลายเป็นเมือง รูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรเชิงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กฎหมายด้านความปลอดภัยอาหารในหลายประเทศยังไม่สมบูรณ์หรือล้าสมัย ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดสากล
"เพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยในการผลิตอาหารและสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการผลิตอาหารและส่งออกอาหารระดับสากลนั้น ทุกประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านอาหารและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น" แถลงการณ์ระบุ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ