นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า(อคส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ส.ค.สัญญารับมอบข้าวฉบับสุดท้ายระหว่างบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด และอคส.ปริมาณ 100,000 ตัน จะหมดสัญญาลง หากเพรซิเดนท์ฯ ยังไม่มารับมอบข้าวตามสัญญา อคส.จะดำเนินการทางแพ่งทันที โดยจะปรับเงินวันละ 0.2% ของมูลค่าข้าวที่เพรซิเดนท์ฯ ยังไม่รับมอบทั้งสิ้น 700,000 ตัน
พร้อมกันนี้ อคส.จะยึดข้าวดังกล่าวมาเป็นของรัฐและยึดเงินค้ำประกันที่เพรซิเดนท์ฯ วางไว้กับอคส.ในอัตรา 0.5% ของมูลค่าข้าวที่ประมูลได้ทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ขณะเดียวกันจะนำข้าวที่ยึดเป็นของรัฐมาเปิดประมูลขายต่อไป และหากเปิดประมูลใหม่ อคส.ขายได้ต่ำกว่าราคาที่ขายให้เพรซิเดนท์ฯ เพรซิเดนท์ฯ จะต้องจ่ายค่าส่วนต่างให้อคส.ด้วย
"อคส.ยังไม่ได้รับความเคลื่อนไหวจากผู้บริหารเพรซิเดนท์ฯ ว่าตกลงจะดำเนินการอย่างไรหลังจากที่ทำหนังสือขอยกเลิกข้าวปริมาณ 7 แสนตันมาตั้งนานแล้ว หากยังเพิกเฉยจะต้องดำเนินคดีทางแพ่ง ส่วนเรื่องคดีอาญาคงดำเนินการไม่ได้ เพราะไม่ได้ยักยอกข้าว ซึ่งจากการตรวจสอบโกดังทั่วประเทศข้าวที่เพรซิเดนท์ประมูลได้ยังอยู่ครบถ้วนไม่ได้หายไปไหน" นายพิสุทธิ์ กล่าว
ส่วนข้าวที่เพรซิเดนท์ฯ ใช้ค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารพาณิชย์จนเป็นหนี้เสีย 12,000 ล้านบาทนั้น นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ใช่ข้าวที่ประมูลได้จากรัฐ แต่อาจเป็นข้าวที่เพรซิเดนท์ฯ ซื้อในตลาดและนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่เกี่ยวข้องกับอคส. ดังนั้น อคส.จึงไม่สามารถขึ้นบัญชีดำเพื่อไม่ให้เข้าร่วมประมูลข้าวของรัฐได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าวที่เพรซิเดนท์ขอยกเลิกสัญญารับมอบ 700,000 ตัน มีทั้งข้าวขาวและข้าวหอมมะลิที่ได้จากการประมูล หากคิดราคาข้าวเฉลี่ยของข้าวทั้ง 2 ชนิดที่ตันละ 10,000 บาท มูลค่าข้าวจะสูงถึง 7,000 ล้านบาท หากเพรซิเดนท์ถูกอคส.เรียกค่าปรับวันละ 0.2% ของมูลค่าข้าวที่ยกเลิกสัญญาจะทำให้เพรซิเดนท์ฯ ต้องจ่ายเงินค่าปรับสูงถึงวันละ 14 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--