นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.06 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวัน ศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.06/07 บาท/ดอลลาร์
"เช้านี้เงินบาททรงตัวจากท้ายตลาดเย็นวันศุกร์ บางส่วนอาจจะมี Flow จากการส่งออกทองคำหลังราคาทองปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมามีทั้งดีและไม่ดี ยอดค้าปลีกแย่กว่าคาด ขณะที่การผลิตของนิวยอร์ก ติดลบน้อยกว่าคาด"นักบริหาร เงินระบุ
สำหรับทิศทางวันนี้ต้องจับตาดูการประกาศ GDP ไตรมาส1/63 ของสภาพัฒน์ และการคาดการณ์เศรษฐกิจ รวมทั้งทิศ ทางดอกเบี้ย นอกจากนี้ประเด็นต่างประเทศต้องติดตามความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และการคลายล็อกดาวน์จากปัญหา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของนานาประเทศทั่วโลก
นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในกรอบ 32.00 - 32.15 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (15 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.49721% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.71760%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.13 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 107.00/10 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0821 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.0804/0826 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.0820 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (18-22 พ.ค.) ที่ 31.90-32.30 บาท
- สภาหอการค้าไทยเตรียมประชุมรอบสุดท้าย 21 พ.ค.นี้ ก่อนเคาะหนุนเข้าร่วม 'ซีพีทีพีพี' หรือไม่ ด้านสภาผู้ส่งสินค้าทาง
-รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมแผนฟื้นฟู การท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รองรับเมื่อสถานการณ์การโรคโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว เพื่อฟื้นฟูภาคการ ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสให้กลับมาสร้างรายได้ ช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง มีแผนการฟื้นฟูที่จะรองรับการใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ หรือ New normal ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับ สุขภาพความสะอาด และความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในหลายๆด้าน
- ติดตามการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทยไตรมาส 1/2563 และการประชุมคณะกรรมการนโยบาย
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐดิ่งลง 11.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่ง
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์
- ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 73.7 ในเดือนพ.ค.
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในรายงานด้านเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีว่า ภาคการเงินของสหรัฐมีแนวโน้ม
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดไม่ละความพยายามในการพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นจากผลกระทบ
นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ แพร่ระบาด แต่กระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้น อาจต้องใช้เวลาจนถึงสิ้นปี 2564
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย
เดือนพ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. นอกจากนี้ตลาด
อาจรอติดตามการรายงานดัชนี PMI เดือนพ.ค.(เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงสัญญาณที่สะท้อนความเสี่ยงของการ
ระบาดรอบสอง หลังการเปิดเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน