นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมกบน.วันนี้ อนุมัติการขยายกรอบบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นติดลบไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่ติดลบไม่เกิน 7,000 ล้านบาท หลังปัจจุบันฐานะบัญชีก๊าซ KPG ใกล้ถึงระดับดังกล่าวแล้ว
ประกอบกับเป็นการรองรับมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่อนุมัติให้ลดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม จากเดิม 17.1795 บาท/กิโลกรัม (กก.) เหลือ 14.3758 บาท/กก. ทำให้ราคาขายปลีก LPG ขนาดถัง 15 กิโลกรัม ราคาลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท หรือลดลง 45 บาท/ถัง เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ ให้โอนเงินในส่วนของบัญชีน้ำมันสำเร็จรูปไปใช้ในบัญชีกลุ่ม LPG และให้โอนคืนบัญชีน้ำมันสำเร็จรูปในภายหลัง โดยมอบหมายให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จัดทำรายงานรายรับ-รายจ่าย และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของบัญชี LPG เพื่อรายงานกบน.ให้ทราบทุกเดือน
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 พ.ค.63 อยู่ที่ 35,176 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันฯ จำนวน 41,358 ล้านบาท และบัญชี LPG ที่ติดลบ 6,182 ล้านบาท
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 23 มิ.ย. 63 จะครบกำหนดการลดราคา LPG ในอัตรา 45 บาทต่อถัง 15 กก. ซึ่งทาง กบน.จะกลับมาพิจารณามาตรการดังกล่าวใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้ กบน.ยังมีมติให้คงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯในอัตราเดิม แม้ราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงราคาถึง 11 ครั้ง (ตั้งแต่ 24 มี.ค.-15 พ.ค.63) ทำให้ราคากลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.31 บาท/ลิตร และดีเซลลดลงเฉลี่ย 2.50 บาท/ลิตร โดย กบน.เห็นควรให้คงอัตราส่งเงินเข้ากองทุนฯเท่าเดิมเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ท่ามกลางราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน โดยราคาน้ำมันดิบโลกขยับขึ้นจาก 26.62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เมื่อ 24 มี.ค. 63 เป็น 31.96 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เมื่อ 15 พ.ค.63 และจากการไม่ปรับเงินส่งเข้ากองทุนฯเพิ่มในครั้ง ทำให้สภาพคล่องกองทุนฯในส่วนของบัญชีน้ำมันติดลบเดือนละประมาณ 37 ล้านบาท