มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในเชิงรุกมากกว่านี้ เนื่องจากอัตราเงินฝากที่มีอยู่ได้ปรับตัวลง เพราะถูกนำไปลงทุนในตลาดหุ้น
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินฝากต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ที่สูงที่สุด โดยมีอัตราการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 สูงกว่า GDP เนื่องจากสัดส่วนกองทุนจำนวนมากที่ถูกคงไว้เพื่อเป้าหมายด้านการลงทุน
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ตลาดหุ้นเอ แชร์ ได้คึกคักขึ้น การซื้อหุ้นถือเป็นวิธีการถือสินทรัพย์ด้านการเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ครัวเรือนจีนได้นำเงินฝากมาลงทุนเพื่อซื้อหุ้นจำนวนมาก ส่งผลให้อัตราเงินฝากจากภาคครัวเรือนในระบบการธนาคารชะลอตัวลงมาก ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.ปีนี้
ดัชนีหุ้นหลักๆของจีนพุ่งขึ้นประมาณ 50% ในปีนี้ เหนือระดับสูงสุดปีที่แล้วที่ 130%
ผลการสำรวจของธนาคารกลางจีนเมื่อเร็วๆนี้ชี้ให้เห็นว่า เงินฝากภาคครัวเรือนปรับตัวลงแตะระดับ 52.3% ในไตรมาส 2 จากระดับ 68% ในปี 2548 และ 66.5% ในปี 2549
มอร์แกน สแตนลีย์เชื่อว่า มาตรการปรับการซื้อขายสินทรัพย์ด้านการเงินที่กำลังมีการดำเนินการอยู่นั้น ทำให้ความต้องการเงินจะชะลอตัวลง โดยคาดว่าเงินฝากในธนาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 นั้น จะไม่นับเป็นปัจจัยที่น่าดึงดูดใจเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อหุ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--