กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80-32.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.89 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 0.50% ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทย 1.1 หมื่นล้านบาท และ 8.2 พันล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดเริ่มเปิดรับความเสี่ยงหลังมีความหวังมากขึ้นจากข่าวผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ผลน่าพอใจในขั้นต้น รวมถึงการคาดการณ์ว่าอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะกลับมารุมเร้าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่ตลาดจะติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในฮ่องกงซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังจากที่จีนยื่นร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงและมีผู้ออกมาประท้วงในฮ่องกงจำนวนมากช่วงสุดสัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เตือนว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้จีนอย่างแข็งกร้าว สถานการณ์เช่นนี้รวมถึงการอ่อนค่าของเงินหยวน อาจกดดันสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งเผชิญกับความเสียหายอย่างรุนแรงจากโควิด-19
สำหรับปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบมากกว่าที่คาด ส่วนเงินบาทกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค ซึ่งหากดำเนินต่อไปจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าหดตัวถึง 17.13% ทำให้เกินดุลการค้า 2.46 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ประเมินการส่งออกในไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีแรกจะติดลบ อนึ่งหากไม่นับรวมทองคำ การส่งออกเดือนเมษายนจะหดตัว 10.31% ทั้งนี้ เราคาดว่าวัฎจักรการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ทางการจะใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจและดูแลระบบการเงินต่อไป