(เพิ่มเติม) ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.อยู่ที่ 71.0

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 12, 2007 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.50 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 71.0 ลดลงจาก 71.4 ในเดือน พ.ค.50 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 64 เดือนนับแต่มีการทำสำรวจตั้งแต่เดือน เม.ย.45
"สาเหตุที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง ความกังวลเรื่องค่าครองชีพ และเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ผู้บริโภคเห็นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม แม้ปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจจะเริ่มมีมากขึ้น แต่ยังไม่ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 71.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.4 โดยดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าปกติที่ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 38 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำต่างปรับตัวลดลงจากเดือนพ.ค.50 มีเพียงดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การสำรวจในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ผู้บริโภคเห็นว่าราคาขายน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและระบบเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่ราคาสินค้ายังทรงตัวในระดับสูงไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ และสุดท้ายผู้บริโภคยังเห็นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม
ในขณะที่ปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ สถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลายลงจากที่การชุมนุมทางการเมืองเป็นไปโดยความสงบเรียบร้อย, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ยังยืนยันว่า GDP ปีนี้จะโตได้ไม่ต่ำกว่า 4% ประกอบกับตัวเลขการส่งออกช่วง 5 เดือนแรกขยายตัวถึง 20% เป็นต้น
นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคตที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน อาจเป็นสัญญาณให้เห็นว่าประชาชนจะเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หากสถานการณ์ต่างๆ ทางเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ