นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ประกอบการรถใช้แล้ว และตัวแทนภาคสถาบันการเงิน ลิสซิ่ง ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามข้อเสนอของภาคเอกชน ซึ่งหลังจากที่ข่าวออกไปส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบอย่างมาก
นายพชร ให้เหตุผลว่า การลดภาษีสรรพสามิตไม่ได้มีผลต่อกำลังซื้อ ไม่มีผลบวก อาจจะมีแต่ผลลบ เพราะช่วยให้คนซื้อรถในราคาถูกลงไม่มาก เช่น รถกระบะรุ่นมาตรฐาน ก็ลดราคาแค่ 2,000 บาท หรือถ้าเป็นรถซิตี้ คาร์ ก็ช่วยลดภาษีไปได้แค่ 30,000 บาทต่อคัน กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จะเป็นรถที่มีราคาสูง ซึ่งกรมไม่ต้องการลดภาษีให้ จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้กลไกภาษีเข้าไปแทรกแซงทั้งตลาด ทำให้มูลค่ารถยนต์โดยรวมทั้งตลาดลดลงไปด้วย ไม่คุ้มค่ากัน
"ยังไงก็ไม่ลด ไม่มีประโยชน์ ยิ่งหมดโควิด-19 ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลให้ลด วันนี้ภาคเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่งกลับเข้ามาเดินได้ การเข้าไปทำอะไรที่เป็นการแทรกแซงตลาดโดยไม่จำเป็น ไม่น่าจะเป็นผลดี" นายพชร กล่าว
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอมรับข้อเสนอของกรมสรรพสามิต โดยหากไม่ได้มาตรการภาษีสรรพสามิต ก็จะไปพิจารณาแนวทางอื่น เช่น จัดโปรโมชั่น ลดแลก แจก แถม หรือ ขอให้ลิสซิ่ง ลดเงินดาวน์รถใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น พร้อมกันนี้ จะขอหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดทำมาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ในข้อเสนออื่น ๆ เช่น นำรถเก่ามาแลกรถใหม่ หรือ เลื่อนระยะเวลาบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 ออกไปก่อน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง ต้องมาหารือร่วมกัน
นายศุภรัตน์ ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องการให้ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ว่า เนื่องจากต้องการรักษาซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ ซึ่งมีแรงงานอยู่กว่า 7 แสนคน เนื่องจากช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 ยอดขายรถยนต์หายไปกว่า 50-60% และคาดว่าทั้งปี 2563 ยอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ 50% ของเป้าหมาย 1 ล้านคัน