นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เสนอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อทางจิตวิทยาต่อประชาชนที่จะซื้อบ้าน
"แม้ว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยจะไม่ใช่แนวทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาค่าเงิน อย่างน้อยก็ช่วยส่งผลความมั่นใจของประชาชนมากขึ้น"นายสันติกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวว่า วันนี้ทาง ส.อ.ท.ได้ประชุมระดมความคิดเห็นของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าเพื่อเสนอรัฐบาลเพิ่มเติม โดยผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลลดทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่กว่า 8.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐมาใช้ในการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ และ ด้านการวิจัยและพัฒนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย
ในระยะสั้น รัฐบาลจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและการทำประกันความเสี่ยง เพราะต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีประสบปัญหามากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่
พร้อมทั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ทบทวนยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ที่ทำให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาทระหว่างส่วนต่างออฟชอร์กับออนชอร์ โดยส่วนตัวมองว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าต่อในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ดูได้จากประเทศจีน ได้มีการลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ในเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐออกไปลงทุนต่างประเทศ และยังมีแผนนำเงินทุนสำรองอีกกว่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐจะนำไปลงทุนเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลกมีความผันผวนมากกว่านี้อีก ก็จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทของไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นประมาณ 7.88% ซึ่งแข็งค่ามากกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาคเดียวกัน โดยปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ 33.16 บาท/ดอลลาร์ จากต้นปีอยู่ที 36.10 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งธปท.ต้องเร่งหามาตรการมาช่วยเหลือ
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/เสาวลักษณ์/นิศารัตน์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--