นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า สมาคมประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ไทยจะได้รับคำสั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลอิหร่านเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 400,000 ตัน เพราะขณะนี้เวียดนามซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งของไทยไม่มีข้าวจะส่งออกจนถึงเดือน ก.ย.นี้
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ไทยจะขายข้าวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลอิหร่านได้ซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) ไปแล้ว 400,000 ตัน และจากเอกชนอีกกว่า 300,000 ตัน รวมแล้วประมาณ 700,000 ตัน จากความต้องการนำเข้าทั้งปีประมาณ 1.2 ล้านตัน
สำหรับการเดินทางไปประชุมความร่วมมือด้านข้าวครั้งที่ 3 ที่ประเทศเวียดนามนั้นได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลผลิต-การค้าข้าวเวียดนามว่า ตอนนี้สิ้นสุดฤดูกาลส่งออกข้าวเวียดนามแล้ว ซึ่งเวียดนามส่งออกได้ 4.3 ล้านตันจากเป้าหมาย 4.5 ล้านตัน แต่หากมีผลผลิตในช่วงเดือน ก.ย.ก็สามารถส่งออกเพิ่มได้อีกจำนวนหนึ่ง แต่คงไม่เกิน 4.7 ล้านตัน เพราะเวียดนามจะต้องรักษาสต็อกข้าวภายใน เพื่อให้สอดคล้องกับระดับเงินเฟ้อภายในประเทศ ซึ่งสูงถึง 6% ขณะเดียวกันความต้องการบริโภคข้าวภายในประเทศปรับสูงขึ้นเป็น 18 ล้านตัน จากจำนวนประชากร 80 ล้านคน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้มีผู้ส่งออกข้าวไทย 2 ราย คือบริษัท ข้าวไชยพร และบริษัท นครหลวงค้าข้าว ได้ตกลงทำสัญญาขายข้าวให้กับอิหร่านไปแล้วประมาณ 100,000 ตัน ราคาตันละ 343 เหรียญสหรัฐ ขณะที่รัฐบาลไทยสามารถเปิดสัญญาซื้อขายข้าว G to G กับรัฐบาลอิหร่านล็อตที่ 3 ได้อีก 130,000 ตัน ในราคาใกล้เคียงกันคือประมาณ 340 เหรียญสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--