นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมเรื่องแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามอุดช่องโหว่ในการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีต่อภาคธุรกิจและประชาชนที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจะมีมากขึ้นในระยะ 3-4 เดือนข้างหน้า โดยมอบหมายกระทรวงการคลังออกมาตรการในการกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ โดยคาดว่าจะเห็นมาตรการใหม่ในไตรมาส 3/63
"ขณะนี้การกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวในประเทศสำคัญมาก เพราะขณะนี้การส่งออกพึ่งพาไม่ได้เลย ขณะที่คลายล็อกต่างประเทศก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับนายกรัฐมนตรี แต่การจับคู่ประเทศต้องเน้นประเทศที่ Clean Virus พอสมควร"นายสมคิด กล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า โจทย์วันนี้ คือ การดูแลภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่อเนื่องจากที่ได้ดูแลมาแล้วระดับหนึ่ง โดยมองไปอีกใน 6 เดือนข้างหน้า หลังจากเศรษฐกิจปรับปลี่ยนไป แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะปรับตัวอย่างไร และต้องการการสนับสนุนด้านใดจากภาครัฐ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือคงไม่จำกัดแต่ตัวเงิน อาจมีด้านอื่นๆ ด้วย โดยจะมีการเชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย มาร่วมหารือเพื่อปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้จะสิ้นสุดไตรมาส 2/63 และอยู่ระหว่างเร่งเข็นมาตรการในช่วงที่เหลือต่อจากนี้ โดยอยากให้มาตรการที่จะออกมามีผลในไตรมาส 3/63 เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการจนถึงสิ้นปี โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำมาตรการ"ชิม ช็อป ใช้"มาใช้อีกครั้ง โดยอาจจะเป็นมาตรการอื่นๆ ส่วนจะยึดโยงกับการท่องเที่ยวหรือไม่ อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด
ส่วนประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะภายในพรรคพลังประชารัฐจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนหรือไม่นั้น นายอุตตม กล่าวว่า คิดว่าผู้เกี่ยวข้องไม่ใช่แค่กระทรวงการคลัง แต่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมทั้งทุกกระทรวง ต้องช่วยกันทำงานเพื่อสร้างความมั่นใจ
ทั้งนี้ สิ่งที่จะทำให้เกิดความมั่นใจได้ก็คือโครงการต่างๆต้องมีความก้าวหน้าออกมาให้เห็น อย่างที่พูดว่าหากกระทรวงการคลังรับมาดูแลมาตรการเอสเอ็มอีกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนก็ต้องมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3/63 ต้องมีความคืบหน้าให้เห็น นี่คือสิ่งที่ทำให้มั่นใจ เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องได้
"งานทั้งหลายที่จะออกมาต้องทำให้ผู้ประกอบการ ประชาชนสัมผัสได้ว่ามาตรการออกมาแล้วได้รับการช่วยเหลือ นี่คือหัวใจของความมั่นใจ ไม่ใช่เรื่องข่าวลือ โน่น นี่ นั่น ซึ่งข่าวลือมันมี ห้ามไม่ได้ แต่ก็อยากจะขอว่า เรามาโฟกัสด้วยกันตรงนี้ว่าเอางานออกมา เวลานี้หัวเลี้ยวหัวต่อมากนะประเทศไทย ขอเรื่องนี้ก่อน อย่างที่เรียนว่า ข่าวลือมีทั่วไป ที่ผมกำลังพูดคือ เราโฟกัสที่งานเท่านั้นเอง"นายอุตตม กล่าว