นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะช่วยลดภาระให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ โดยอาจจะมีการลดค่าเช่าให้ 50% แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ที่ได้ลดค่าเช่าจะต้องไม่เลิกจ้างงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ประกอบการจ้างงานแรงงานไว้ให้มากที่สุด แม้จะมีการลดเงินเดือนไปบ้างก็ดีกว่าเลิกจ้าง
ก่อนหน้านี้ ในส่วนของผู้ที่เช่าที่ราชพัสดุเพื่อที่อยู่อาศัยและทำการเกษตร กรมธนารักษ์ได้มีการเว้นเก็บค่าเช่าไปแล้ว 1 ปี
สำหรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ปี 2563 อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นค่าเช่าที่ราชพัสดุประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อที่อยู่อาศัยและทำการเกษตรประมาณ 25% และเป็นค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อการพาณิชย์ประมาณ 75% ซึ่งการเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ได้รับผลกระทบจากการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด แต่ยังเชื่อว่ายังเก็บได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์เร่งดำเนินการหารายได้ชดเชย ทั้งการเร่งประมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษ การประมูลสนามกอล์ฟบางพระ การร่วมลงทุนท่าเรือกับเอกชน การเก็บค่าเช่าเชิงพาณิชย์จากหน่วยราชการที่นำพื้นที่บางส่วนไปทำการค้า ซึ่งจะได้ค่าธรรมเนียมและค่าเช่ารายปีเพิ่มเข้ามา
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์จะทำการขายที่ราชพัสดุที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ประมาณ 300 แปลง คาดว่าจะได้เงินเข้ามาไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท