น.สงรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม โดยอนุมัติ 4 โครงการช่วยเหลือเยียวยา ดังนี้
1.โครงการเยียวยากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากโครงการของรัฐอื่นๆ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีอยู่จำนวน 1,164,222 คน จะได้รับเดือนละ 1 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.63) โดยจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินงบประมาณ 3,492,666,000 บาท
2.โครงการเยียวยาผู้ลงทะเบียน"เราไม่ทิ้งกัน"ไม่สำเร็จราว 302,160 คน ซึ่งตรวจความซ้ำซ้อนแล้วไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเยียวยาทั้งจากกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และไม่ใช่กลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 33 โดยกรอบงบประมาณไม่เกิน 906 ล้านบาท โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน และมาตรการกลไกช่วยเหลืออื่นๆ เพื่อส่งกลับมาให้คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการใช้เงินกู้พิจารณาภายใน 1 เดือน
3.โครงการเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาจากมาตรการอื่นๆจำนวน 6,781,881 คน ประกอบด้วยเด็กยากจน (เด็กแรกเกิดถึง 6 ปี) 1,394,756 คน ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 4,056,596 คน และผู้พิการ 1,330,529 คน จ่ายเงินให้คนละ 1 พันบาท/เดือน เพิ่มเติมจากเงินอุดหนุนที่แต่ละกลุ่มเคยได้รับคือเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด, เงินอุดหนุนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเงินอุดหนุนเบี้ยคนพิการ ซึ่งจะจ่ายให้เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค. โดยจะจ่ายในเดือน มิ.ย.นี้ทบของเดือน พ.ค.ไปเป็น 2 เดือน กรอบวงเงินงบประมาณรวม 2.03 หมื่นล้านบาท
4.โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้มีการทยอยจ่ายเงินไปแล้ว 7 ล้านรายในงวดที่ 1 โดยให้เพิ่มกลุ่มเกษตรกรด้อยโอกาสและไม่สามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร 137,093 ราย ซึ่งผ่านการตรวจสอบไปแล้วว่าไม่เคยได้รับการเยียวยาซ้ำซ้อนจากมาตรการอื่นๆ ซึ่งจะอยู่ภายใต้กลุ่มเป้าหมายที่กระทรวงเกษตรฯตั้งเป้าเยียวยาไว้ 10 ล้านคน
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า อีกส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา ครม.ได้เห็นชอบในหลักการของการขยายเวลาการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ทันภายในวันที่ 15 พ.ค.63 ประมาณ 1.2 แสนราย ส่วนใหญ่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรไว้ในรอบการผลิตที่ผ่านมาแล้ว ครม.จึงเห็นชอบให้ขยายเวลาโดยให้เปิดรับลงทะเบียนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.63