ข้อมูลสถิติล่าสุดจากสำนักงานบริหารศุลกากรจีน (GAC) ระบุว่า แม้ยอดนำเข้าน้ำมันดิบของจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.2% แตะที่ระดับ 81.5 ล้านตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่อัตราการขยายตัวกลับชะลอตัวลง 4.4% เมื่อเทียบกับปี 2549 เช่นเดียวกับยอดนำเข้าน้ำมันกลั่นที่ปรับตัวลดลง 1% แตะ18 ล้านตัน
นอกจากนี้ ยอดส่งออกน้ำมันดิบของจีนปรับตัวลดลง 39% แตะระดับ 1.8 ล้านตันในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากรัฐบาลควบคุมการส่งออกน้ำมันเพื่อหวังที่จะลดการสร้างมลภาวะ ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 27.6% สู่ระดับ 7.9 ล้านตัน
นายเทียน จุนรง นักวิเคราะห์จากไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์เปอร์เรชั่น(ชิโนเปค)กล่าวว่า ในเดือนพ.ย.2549 จีนได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีส่งออกน้ำมันดิบ 5% ซึ่งส่งผลให้ยอดการส่งออกน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก
ปัจจุบันนี้ จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากสหรัฐและญี่ปุ่น และเป็นประเทศที่มีปริมาณการใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ
ตัวเลขจากสำนักงานบริหารศุลการกรจีนระบุว่า จีนมียอดนำเข้าน้ำมันดิบ 145 ล้านตัน และน้ำมันกลั่น 36.4 ล้านตันในปี 2549 ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น
นายเจียง ซินมิง ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันพลังงานภายใต้การดูแลของคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนกล่าวว่า ในในปีนี้จีนมียอดการใช้น้ำมัน 350 ล้านตัน ซึ่งปรับสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 10 ล้านตัน
ทั้งนี้ สถานการณ์ด้านราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่องบประมาณด้านพลังงานของจีน นายเจียงกล่าวพร้อมทั้งเสริมว่า จีนอาจต้องใช้ก๊าซแทนการใช้น้ำมันในบางพื้นที่ของประเทศ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--