นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 78.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 75.9 ในเดือนเม.ย.63 โดยค่าดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมถึงการผ่อนคลายการห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น. ส่งผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0.50% ต่อปี ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบต่อการค้า การลงทุน และการจ้างงาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดย่อมประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้ ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก
สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 91.5 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 88.8 ในเดือนเม.ย.63 เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในระยะต่อไป จะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศกลับมาขยายตัว อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนียังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ดี
นายสุพันธุ์ ยังกล่าวว่า ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐ ดังนี้ 1.เร่งผลักดันการใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 5 แสนล้านบาท รวมทั้งให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการ SMEs 2.ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น 3.ผลักดันให้ทุกหน่วยงานภาครัฐใช้ระบบ Online ในการออกใบอนุญาต และรับชำระค่าธรรมเนียม รวมทั้งบริการอื่นๆ
ประธาน ส.อ.ท. ระบุว่า ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค.เริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มที่ดี และรัฐบาลคลายล็อกมาตรการ แต่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากโรคโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ในต่างประเทศ ประกอบกับมีปัจจัยลบอื่นๆ เช่น สงครามการค้ากลับมาปะทุราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เงินบาทแข็งค่าเร็วกว่าภูมิภาคส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย คาดว่าอุตสาหกรรมอาหารและยาจะมีอัตราการเติบโตได้ดี และก้าวขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมตัวชูโรงของระบบเศรษฐกิจไทย
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเปิดรับความคิดเห็นในการบริหารประเทศนั้น ส.อ.ท.จะรวบรวมข้อดี-ข้อเสียของการดำเนินนโยบายในแต่ละเรื่องเสนอให้รัฐบาล ซึ่งในภาพรวมเชื่อว่ารัฐบาลมีนโยบายที่ดี ทุกโครงการมุ่งหวังที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะมีการผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม โดยในวันพรุ่งนี้ ส.อ.ท.จะเข้าพบนายกฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19