ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ผลกระทบตลาดอสังหาฯสหรัฐ ถ่วงดอลล์ร่วงเทียบยูโร

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ก.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ เพราะแทบจะไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยพยุงดอลลาร์ให้ฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของตลาดอสังหาริมทรัพย์
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.3822 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3803 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวันที่ 1.3842 ดอลลาร์ต่อยูโร 
          ขณะที่สกุลเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0549 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 2.0486 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 2.0586 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 
          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับ 121.24 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 122.06 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.2013 ฟรังซ์สวิสต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.2032 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ แต่แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0479 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0431 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ
          สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอเกินคาดอาจฉุดภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐให้ชะลอตัวลง และเตือนว่าตัวเลขขาดทุนในธุรกิจปล่อยกู้จำนองให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) อาจจะมีวงเงินสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
          ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงชะลอตัวลงอีก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรฐานการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้นและอัตราดอกเบี้ยกู้จำนองที่เพิ่มขึ้น  อย่างไรก็ตาม เฟดและเจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านการธนาคารของรัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศใช้มาตรการตรวจสอบกลุ่มธุรกิจปล่อยกู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้ตลาดสินเชื่อสั่นคลอน โดยจะมุ่งเน้นไปยังบริษัทที่ลักลอบดำเนินการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการด้านการธนาคารของรัฐบาล
          นอกจากนี้ ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐและในยุโรปนับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กังวลว่าการที่สกุลเงินยูโรแข็งแกร่งมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปในระยะยาว