นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเร่งด่วนในการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)และผู้ส่งออก โดยให้มีทุนประเดิมกองทุนขนาด 5 พันล้านบาทที่จะใช้ในการปล่อยกู้สนับสนุนสภาพคล่อง ซึ่งที่มาของเงินดังกล่าว 50% จะมาจากสมาคมธนาคารไทย และอีก 50% จะมาจากเงินกู้ผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
นายโฆสิต กล่าวว่า การปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ SME และ ผู้ส่งออกเพื่อเสริมสภาพคล่องจะดำเนินการผ่านกลไลของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้สมาคมธนาคารไทยเป็นผู้บริหารกองทุน
ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลและช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในต่างจังหวัดด้วย รวมทั้งติดตามเรื่องของเงินทุนไหลเข้าและไหลออกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังรู้สึกดีใจที่เห็นทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่
นายโฆสิต กล่าวว่า รัฐบาลรับข้อเสนอของภาคเอกชน 6 มาตรการจากทั้งหมด 7 มาตรการที่เสนอมา ส่วนมาตรการที่เสนอให้สต็อกน้ำมันคงไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบด้านราคา และจำเป็นต้องหารือกันในระยะต่อไป
หลังจากนำมาตรการดังกล่าวเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าแล้ว จะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งว่าแต่ละหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง หรือ ธปท.จะทำหน้าที่รับผิดชอบด้านใด และมีแนวทางการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าอย่างไรบ้าง
สำหรับข้อเสนอของเอกชน 6 มาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลเห็นด้วย คือ การให้บริษัทเอกชนไทยถือครองเงินตราต่างประเทศได้ไม่กำหนดระยะเวลา, ให้บุคคลธรรมดาถือเงินตราต่างประเทศไม่จำกัดเวลารวมทั้งเพิ่มวงเงินถือครองเงินดอลลาร์ได้มากกว่า 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ, เปิดโอกาสให้เอกชนสามารถใช้จ่ายและชำระสินค้าระหว่างกันเป็นเงินตราต่างประเทศได้
ขอให้ภาครัฐเร่งคืนภาษีให้แก่ผู้ส่งออกตามมาตรา 19 ทวิ, ให้รัฐบาลผลักดันให้รัฐวิสาหกิจอาศัยช่วงเงินบาทแข็งค่าเร่งชำระหนี้ต่างประเทศ และการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาท
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--