เยอร์เก้น สตาร์ค สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า นโยบายการเงินที่มุ่งเน้นเสถียรภาพ ช่วยส่งเสริมให้ค่าเงินในบางประเทศแข็งแกร่งขึ้นเสมอมา และผลักดันให้เศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาขยายตัว
"เราเห็นได้ในเยอรมนีว่าค่าเงินมีความแข็งแกร่ง และนโยบายของฝรั่งเศสที่ทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อต่ำกว่าในหลายประเทศช่วงหลายปีที่ผ่านมา" สตาร์ค กล่าวกับ หนังสือพิมพ์ ออลเกมายเนอร์ ไซตุ้ง ของแฟรงค์เฟิร์ท
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นทำสถิติใหม่เมื่อเทียบกับสุกลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 1.3845 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโรเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากความหวั่นวิตกว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐที่อยู่ในภาวะถดถอยจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจมหภาค
สตาร์ค กล่าวว่า ค่าเงินยูโรที่แข็งค่าเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว และจนถึงขณะนี้ ค่าเงินยูโรที่แข็งค่ายังไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้ส่งออกเขตยูโรโซน
"ทวีปยุโรปในขณะนี้มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งสวนทางกับสหรัฐที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่า" สตาร์ค กล่าว
นอกจากนี้ เขาย้ำว่า ธนาคารกลางยุโรป ไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการใดๆกับค่าเงินยูโรที่แข็งค่ามาก และธนาคารกลางไม่มีเป้าหมายด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การเพิ่มเป้าหมายอื่น อาทิ เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน จะทำให้ภารกิจที่ต้องทำนำไปสู่ความขัดแย้งของเป้าหมาย และส่งผลกระทบต่อการรับประกันเสถียรภาพด้านราคา
อัตราแลกเปลี่ยนเป็นราคาที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งกำหนดขึ้นในตลาด และบางครั้งอาจนำไปสู่การกล่าวที่เกินจริง จนถึงขณะนี้เราเห็นเงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างค่อนข้างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการเข้าไปแทรกแซงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันก็มีแต่จะก่อให้เกิดปัญหา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--