ผอ.ออมสินคนใหม่เดินหน้าธนาคารเพื่อสังคม เร่งแก้ปัญหาหนี้เสีย เน้นผลลัพธ์มากกว่าภาพลักษณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 1, 2020 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่ กล่าวมอบนโยบายการบริหารงานและแนวทางในการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารออมสินว่า ภารกิจที่มีความท้าทาย คือ การเร่งแก้ปัญหาหนี้เสีย ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีหนี้ค้างชำระที่ยังไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 3.3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ดังนั้นต้องเร่งดูแลในส่วนนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากประเมินว่ามีโอกาสที่จะกลายเป็นหนี้เสียเพิ่มมากขึ้น และยังมี NPL ที่อยู่ระหว่างการปรบโครงสร้างหนี้อีก 4 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงิน 6.5 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญวงเงิน 5 หมื่นล้านบาทไว้แล้ว เพื่อรองรับและแก้ไขหนี้ในส่วนนี้ให้เป็นหนี้ปกติต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมพัฒนาการให้บริการผ่านระบบดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ให้สามารถใช้ระบบยืนยันตัวตน (KYC) ตรวจเครดิตบูโร และทำสัญญากับลูกค้าได้โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา ซึ่งถือเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อสนันบสนุนการให้บริการของธนาคาร และเพื่อลดการเดินทางไปสาขาของลูกค้า สอดคล้องกับนโยบายและยังเป็นการรองรับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลด้วย

นายวิทัย กล่าวว่า ได้วางแนวทางให้ธนาคารออมสินเป็นธนาคารที่ดูแลประชาชน เศรษฐกิจฐานราก และผู้มีรายได้น้อย เป็นกำลังหลักของประเทศในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยจะต้องยกระดับบทบาทในด้านนี้ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวนี้ให้มากขึ้น เน้นการทำงานที่มุ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าภาพลักษณ์

"อยากวางบทบาทให้ธนาคารออมสินเป็นธนาคารเพื่อสังคม แต่ไม่ได้หมายความว่ากำไรของธนาคารจะลดลง แต่อาจจะต้องมานั่งทบทวนว่า รูปแบบการทำธุรกิจที่แข่งขันเชิงพาณิชย์มาก ๆ อาจจะมีการลดขนาด เปลี่ยนจุดเน้นหรือจุดโฟกัส ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกธุรกิจประเภทนี้ แต่อาจจะทำในระดับที่มีกำไรที่พอดี ๆ และสามารถช่วยคนไปพร้อมกัน ส่วนธุรกิจโดยทั่วไปก็ยังทำอยู่ เพื่อเอากำไรมาหล่อเลี้ยงช่วยผู้มีรายได้น้อย ตรงนี้เป็นความชัดเจน ทำให้ต่อไปเป็นธุรกรรม ธุรกิจต่าง ๆ ของธนาคารออมสินจะมุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมมากขึ้น ออมสินจะกลับมาสู่ตัวตนจริงของเรา ในการช่วยผู้มีรายได้น้อย ช่วยฐานราก อยู่กับสังคม อยู่กับชุมชน" นายวิทัย กล่าว

พร้อมระบุว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง จากสำนักงานใหญ่ ให้การสนับสนุนการทำงานของสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ผลการดำเนินงานเป็นไปได้ตามเป้าหมาย ทุกฝ่ายต้องช่วยและเดินไปด้วยกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องคิดล่วงหน้าไปด้วยกัน โดยก่อนหน้านี้ ได้อนุมัติงบค่าทำงานล่วงเวลา (โอที) เพิ่มเป็น 2 เท่า เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานออมสินในโครงการต่าง ๆ ตามภารกิจ ส่วนลูกจ้างจะมีเงินโบนัสให้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งจะมีการเปิดช่องทางออนไลน์เพื่อเป็นช่องทางให้พนักงานธนาคารออมสินทุกคนสามารถส่งข้อมูลตรง เพื่อนำมาปรับแก้ไขหรือช่วยเหลือ ซึ่งถือเป็นการสื่อสารภายใน เป็นช่องทางในการรับทราบปัญหา และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ดี เมื่อวางแนวทางให้ธนาคารออมสินเน้นการทำธุรกิจเพื่อสังคมแล้ว ก็อาจต้องปรับลดธุรกรรมบางอย่างลงบ้าง เช่น การโฆษณา การจัดกิจกรรม ตีกอล์ฟ ไปต่างประเทศ โดยจะทำเท่าที่จำเป็น ดูความคุ้มค่าเป็นหลัก ส่วนธุรกรรมใดที่ประชาชนมีความสงสัย สังคมมีการตั้งคำถาม ก็จะเลิก เรื่องนี้ได้มีการสั่งการอย่างชัดเจนออกไปแล้ว

"เราต้องอยู่บนความคลีน ต้องตอบได้ ธุรกรรมที่ทำต้องมีความคุ้มค่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรผิด ทุกคนทำด้วยความปรารถนาดี แต่ปัจจุบันเป็นยุคโซเชียลแบงก์ ความจำเป็นเรื่องการทำพีอาร์ การจัดกิจกรรมก็อาจจะลดน้อยลงไป เรื่องงานบุญก็ยังทำอยู่ แต่อาจจะลดเรื่องความใหญ่โต ไม่เน้นจำนวนคนที่เข้ามามาก ไม่แข่งเรื่องเงินบริจาค ไม่โชว์ป้าย ไม่มีการเกณฑ์เงิน กำหนดเงิน ไม่มีทั้งสิ้น ธนาคารออมสินต้องกลับมายืนบนตัวตนของเรา" นายวิทัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ